Quote
Factory Buyer Rate Questions

บล็อก

กระบวนการขนส่งแบบ FCL DDP จากโรงงานในเอเชียไปยังปลายทางที่กำหนดของผู้รับสินค้าในสหรัฐอเมริกา

21 Mar 2025

By Richie Lin    Photo:CANVA


ซัพพลายเออร์หลายรายในเอเชียหรือแม้แต่ผู้ซื้อในสหรัฐอเมริกายังคงไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนการขนส่งสินค้าจากโรงงานในเอเชียไปยังจุดหมายปลายทางในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นในวันนี้เราจะใช้เวลาในการพูดถึงขั้นตอนพื้นฐานของการขนส่ง FCL DDP จากประเทศในเอเชียไปยังสหรัฐอเมริกาและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่ง

 

  1. การยืนยันวันที่สินค้าพร้อมส่งของคำสั่งซื้อ
    หลังจากได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในสหรัฐอเมริกา เราจะติดต่อกับโรงงานในประเทศเอเชียเพื่อสอบถามวันที่สินค้าพร้อมส่งจริง หากวันที่สินค้าพร้อมส่งไม่ตรงกับช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับการส่งมอบในสหรัฐอเมริกา เราจะแจ้งให้ลูกค้าทราบโดยการเร่งให้โรงงานผลิตสินค้าให้เร็วขึ้น หรือปรับเปลี่ยนช่วงเวลาการส่งมอบ

 

  1. การจองพื้นที่กับสายการเดินเรือ
    หลังจากยืนยันวันที่สินค้าพร้อมส่งสุดท้ายและจำนวนตู้คอนเทนเนอร์แล้ว เราจะทำการจองพื้นที่กับสายการเดินเรือตามนั้น โดยปกติแล้วเราจะจองพื้นที่ให้ตรงกับประมาณการวันเรือออก(ETD) ซึ่งจะเป็น 7 วันหลังจากวันที่สินค้าพร้อมส่ง แต่ในช่วงนี้สายการเดินเรือมักใช้การยกเลิกเที่ยวเรือ (Blank Sailing) เพื่อรักษาราคาค่าขนส่ง ดังนั้นบางครั้งเราจำเป็นต้องเลือกพื้นที่ที่มีใช้เป็นประมาณการวันเรือออก ล่าช้ากว่า 10 วันจากวันที่สินค้าพร้อมส่ง หากสินค้าภายในมีแบตเตอรี่หรือเป็นสินค้าที่อันตราย เราจะต้องจัดเตรียม SDS ให้กับสายการเดินเรือเพื่อการตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้ ใช้เป็นประมาณการวันเรือออก ล่าช้ามากขึ้น

 

  1. การนำตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือและการยื่นขออนุมัติการผ่านพิธีการศุลกากรส่งออก
    หลังจากได้รับการยืนยันการจองพื้นที่จากสายการเดินเรือแล้ว เราจะส่งใบสั่งจัดส่งสินค้า (SO) ไปยังโรงงาน โรงงานจะส่งต่อ SO ให้กับบริษัทขนส่งเพื่อแจ้งให้ทราบสถานที่ที่สามารถรับตู้คอนเทนเนอร์เปล่าไปยังโรงงานและสถานที่ที่ต้องนำตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าแล้วกลับไปส่ง โดยปกติแล้วสามารถรับตู้คอนเทนเนอร์เปล่าได้ 7 วันก่อนวันที่คาดว่าจะปิดการรับสินค้าของเรือที่จองไว้ (ETC) โรงงานจะจัดเตรียม Commercial Invoice , Packing list  รายการบรรจุภัณฑ์ และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับนายหน้าตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อทำการผ่านพิธีการศุลกากรส่งออก ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าแล้วจะต้องนำกลับไปยังท่าเรือและพิธีการศุลกากรส่งออกจะต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่คาดว่าจะปิดการรับสินค้าเพื่อให้เรือที่จองพื้นที่สามารถรับสินค้าตามกำหนดได้

 

  1. การเตรียมการก่อนการขนส่ง
    กรมศุลกากรและป้องกันชายแดนแห่งสหรัฐอเมริกา (Customs and Border Protection) ในสหรัฐอเมริกากำหนดให้ทุกการขนส่งต้องยื่นเอกสาร Import Security Filing : ISF  ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเรือออกเดินทางมิฉะนั้นจะถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อการขนส่งหนึ่งครั้ง หลังจากเรือถึงท่าเรือที่โหลดสินค้า จะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงในการยกตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งอาจทันกับเวลา ETC สายการเดินเรือจะออกใบตราส่งสินค้า(Master Bill of Lading - MBL) ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือโหลดสินค้า และเราจะออกใบตราส่งสินค้า(House Bill of Lading - HBL) ให้กับโรงงานตามข้อมูลใน MBL จากนั้นโรงงานจะตัดสินใจว่าจะทำการปล่อย HBL ผ่านระบบเทเล็กซ์หรือจะส่ง HBL ฉบับจริงไปยังลูกค้าในสหรัฐอเมริกา

 

  1. การแจ้งเตือนการมาถึง
    สายการเดินเรือจะส่งเอกสารการแจ้งเตือนการมาถึง (Arrival Notice) ไปยังตัวแทนของเราในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้รับสินค้าตาม MBL ประมาณ 7 วันก่อนที่เรือจะถึงท่าเรือในสหรัฐอเมริกา จากนั้นตัวแทนของเราจะแจ้งเตือนการมาถึงของเรือให้กับนายหน้าตัวแทนพิธีการศุลกากรเพื่อเตรียมการดำเนินพิธีการศุลกากร สำหรับเรื่องพิธีการศุลกากรจะมีความแตกต่างระหว่างตู้คอนเทนเนอร์ที่รับสินค้าที่ท่าเรือและตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกส่งต่อไปยังเมืองต่าง ๆ ในประเทศ เช่น ชิคาโกและมินนีแอโพลิสโดยรถไฟ สำหรับตู้สินค้าที่รับที่ท่าเรือนั้นต้องทำการดำเนินพิธีการศุลกากรล่วงหน้า 5 วันก่อนที่เรือจะถึงท่าเรือที่กำหนด และสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกส่งต่อไปยังภายในประเทศ การยื่นพิธีการศุลกากรจะต้องยื่น 5 วันก่อนที่ตู้คอนเทนเนอร์จะถึงจุดขนถ่ายทางรางภายในประเทศ

 

  1. การผ่านพิธีการศุลกากรนำเข้า
    ไม่ว่าจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่ที่ท่าเรือหรือที่ถูกส่งต่อไปยังภายในประเทศ นายตัวแทนผู้ผ่านพิธีการศุลกากรจะยื่นเอกสารเข้าสู่ CBP และจะมีค่าธรรมเนียมในการผ่านพิธีการศุลกากร หากสินค้าต้องมีใบรับรองจาก FDA หรือLacey Act จะมีค่าธรรมเนียมในการยื่นเอกสารเพิ่มขึ้น สำหรับอัตราภาษีศุลกากรในสหรัฐอเมริกาจะมีการปรับเปลี่ยนภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้รับสินค้าควรหารือกับตัวแทนศุลกากรและ CBP เกี่ยวกับรหัสพิกัดอัตราศุลกากร ที่จะใช้ เนื่องจากมีการเก็บภาษี 25% สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทั้งหมดที่นำเข้าจากทุกประเทศ ต้องระบุประเทศที่เหล็กถูกหลอมบนใบสำแดงราคาสำหรับสินค้าหมวดเหล็กแต่ละชิ้น และต้องระบุมูลค่าและน้ำหนัก (กก.) ของส่วนประกอบเหล็กในบรรทัดแยกต่างหากเพื่อคำนวณภาษีศุลกากร เช่น:

 

 

 

ตัวอย่าง:
เครื่องจักร 2 ชิ้น  – รหัส 8431.31.0020
น้ำหนักรวมของผลิตภัณฑ์ 50 กก. มูลค่า $1000
เราสามารถระบุใน 2 บรรทัดแยกต่างหากเพื่อการคำนวณภาษี:

8431.31.0020, 2 ชิ้น, 40 กก., มูลค่า $800 (หักมูลค่าของส่วนประกอบเหล็ก) 9903.81.91, 10 กก., มูลค่า $200 (มูลค่าของส่วนประกอบเหล็ก)

 

 

ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบศุลกากรจะเกิดขึ้นหากตู้คอนเทนเนอร์ถูกเลือกโดย CBP ให้เข้ารับการตรวจสอบโดยศุลกากร หลังจากผ่านพิธีการศุลกากรถูกปล่อยที่ท่าเรือหรือที่จุดขนส่งทางราง ผู้นำเข้าสินค้าจะต้องชำระภาษีนำเข้า, ค่าธรรมเนียมการบำรุงรักษาท่าเรือ (Harbor Maintenance Fee - HMF), และค่าธรรมเนียมการประมวลผลสินค้าพาณิชย์ (Merchandise Processing Fee - MPF) ให้กับ CBP ก่อนที่จะรับตู้คอนเทนเนอร์ไปจัดส่งไปยังปลายทาง ผู้รับสินค้าสามารถเลือกที่จะยื่นขออนุมัติการผ่านพิธีการศุลกากรที่ท่าเรือที่มีการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังเมืองภายในประเทศได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้รับสินค้าจะเลือกไม่ทำเช่นนั้น เนื่องจากการขนส่งแบบ Bonded Move ที่เป็นการจนส่งภายใต้การดูแลอารักขาของศุลกากร ไปยังภายในประเทศจะปลอดภัยกว่า และสามารถชำระภาษีเมื่อการขนส่งสินค้าถึงปลายทางเพื่อช่วยในการบริหารจัดการกระแสเงินสดของตนเอง.

 

  1. การมาถึงของตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือและจุดขนส่งทางรางภายในประเทศ
    หลังจากที่เรือมาถึงท่าเรือ ตู้คอนเทนเนอร์จะเคลือนย้ายมาที่จุดขนถ่ายของท่าเรือ โดยปกติแล้วจะคิดค่าธรรมเนียมการให้บริการ Terminal Handling Charge - THC แต่ THC ในสหรัฐอเมริกาได้รวมอยู่ในอัตราค่าขนส่งทางทะเลจากเอเชียแล้ว ดังนั้นจะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนี้อีกในดินแดนของสหรัฐฯ หากสถานที่จัดส่งสุดท้ายใน MBL คือท่าเรือ ตู้คอนเทนเนอร์จะอยู่ที่ท่าเรือและรอการปล่อยจากศุลกากรจาก CBP หากสถานที่จัดส่งสุดท้ายใน MBL คือ IPI (Interior Point of Intermodal) เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ สายการเดินเรือจะส่งต่อตู้คอนเทนเนอร์ไปยังบริษัทขนส่งทางรถไฟเพื่อนำไปยังจุดขนส่งทางรางภายในประเทศเพื่อต่อคิวรอการปล่อยจากศุลกากร และบริษัทขนส่งทางรถไฟจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขนส่งบนราง เพราะรวมอยู่ในอัตราค่าขนส่งทางทะเลจากเอเชียแล้ว การย้ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังจุดขนส่งทางรางภายในประเทศหลังจากถูกขนถ่ายออกจากท่าเรือจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาความแออัดที่ท่าเรือ การขาดแคลนแรงงานที่ท่าเรือและบริษัทขนส่งทางรถไฟ บางครั้งอาจใช้เวลานานกว่า 14 วันในการย้ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังจุดขนส่งทางรางภายในประเทศ

 

 

 

  1. การจัดส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปยังสถานที่ที่กำหนด
    เมื่อการปล่อยตู้คอนเทนเนอร์ผ่านพิธีการศุลกากรจาก CBP ตัวแทนของเราจะได้รับหมายเลขรับตู้คอนเทนเนอร์จากสายการเดินเรือและจะส่งต่อให้กับบริษัทขนส่งทางรถบรรทุก หากตู้คอนเทนเนอร์ต้องถูกย้ายไปยังจุดขนส่งทางรางภายในประเทศ หมายเลขรับตู้คอนเทนเนอร์จะถูกส่งให้หลังจากที่ตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนถ่ายจากรถไฟแล้ว โดยบางจุดขนส่งทางราง เช่น ดีทรอยต์ จะให้เวลาจัดกับฟรีเพียง 2 วันสำหรับทุกตู้คอนเทนเนอร์ ดังนั้นอาจมีการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดเก็บ (storage charge) หากตู้คอนเทนเนอร์ถูกขนถ่ายถึงจุดขนถ่ายที่ Detroil ในช่วงสุดสัปดาห์ สายการเดินเรือมักจะให้เวลา 2 วันฟรีสำหรับค่า demurrage และบริษัทขนส่งต้องไปรับตู้คอนเทนเนอร์ก่อนวัน Last Free Day (LFD) การจัดส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปยังปลายทางจะมีค่าธรรมเนียมการขนส่ง (drayage charge) และ ค่าธรรมเนียมรถพ่วง (chassis charge) อีกสองวัน หากผู้รับสินค้าต้องการให้เราทิ้งตู้คอนเทนเนอร์ที่สถานที่ของผู้รับสินค้าและไปรับตู้คอนเทนเนอร์เปล่าภายหลัง ค่าธรรมเนียมการขนส่งจะมีการคิดเพิ่มค่าธรรมเนียม Drop และ Hook สายการเดินเรือมักจะให้เวลา 4 วันฟรีสำหรับ detention นับจากวันที่ตู้คอนเทนเนอร์ถูกรับออกไปโดยรถบรรทุก ดังนั้นเราจำเป็นต้องติดตามวันที่ส่งคืนตู้คอนเทนเนอร์เปล่าอย่างใกล้ชิดกับผู้รับสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม Detention ที่จะเกิดขึ้น

 

  1. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น

 

 

Chassis Split: หากไม่มีแชสซี่ที่ท่าเรือหรือจุดขนส่งทางราง

Pre-pull: เมื่อผู้รับสินค้ายังไม่ต้องการรับตู้คอนเทนเนอร์แต่จำเป็นต้องไปรับตู้คอนเทนเนอร์เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการเก็บตู้คอนเทนเนอร์

Yard Storage: จำเป็นต้องจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรอจนกว่าผู้รับสินค้าจะสามารถรับตู้คอนเทนเนอร์ได้

Overweight: หากน้ำหนักสินค้าสูงกว่า 38,500 ปอนด์สำหรับตู้ 20GP และน้ำหนักสูงกว่า 44,000 ปอนด์สำหรับตู้ 40GP

Rail Storage: หากตู้คอนเทนเนอร์อยู่ในจุดขนส่งทางรางนานกว่าสองวันที่บริษัทขนส่งทางรางให้เวลาเก็บโดยไม่ม่ค่าใช้จ่าย

Bobtail Charge: หากรถบรรทุกส่งสินค้าหรือคอนเทนเนอร์ไปยังสถานที่หนึ่งแล้วและต้องกลับโดยไม่มีตู้คอนเทนเนอร์ในรถ (เช่น รถบรรทุกที่ขนส่งคอนเทนเนอร์ไปยังปลายทางแล้วกลับมาเป็นรถเปล่า) จะมีการเรียกเก็บ Bobtail Charge สำหรับการขนส่งในสถานะนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต

Get a Quote Go Top