Quote
Factory Buyer Rate Questions

บล็อก

ความแตกต่างระหว่างเรือคอนเทนเนอร์และเรือบรรทุกสินค้าเทกอง(Break Bulk)

05 Mar 2025

By Cadys Wang    Photo:CANVA


การขนส่งคอนเทนเนอร์
การขนส่งคอนเทนเนอร์เป็นวิธีที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าด้วยคอนเทนเนอร์ที่มีขนาดมาตรฐาน คอนเทนเนอร์เหล่านี้จะถูกปิดล๊อกโดยซีลและนำขึ้นเรือ รถบรรทุก หรือรถไฟ ทำให้กระบวนการขนส่งมีทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยปกติแล้วสินค้าที่มีขนาดและรูปร่างเหมือนกัน เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และสินค้าที่บรรจุภัณฑ์ จะถูกขนส่งด้วยวิธีนี้

ประสิทธิภาพของการขนส่งโดยเรือคอนเทนเนอร์ยังจะดียิ่งขึ้นจากความคุ้มค่าด้วยต้นทุนที่ต่ำเนื่องจากลักษณะที่เป็นมาตรฐานของตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บและลดเวลาการจัดการ นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือที่ทันสมัย ซึ่งออกแบบมาเพื่อการขนถ่ายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว

การขนส่งสินค้าแบบเทกอง หรือ Break Bulk
การขนส่งสินค้าแบบ Break Bulk คือการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ หนัก หรือรูปทรงที่ไม่สามารถบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน สินค้าที่ขนส่งด้วยวิธีนี้มักจะรวมถึงเครื่องจักรหนัก วัสดุก่อสร้าง และยานพาหนะขนาดใหญ่ วิธีการนี้ต้องการแรงงานคนและอุปกรณ์เฉพาะ เนื่องจากสินค้าจะถูกบรรทุกโดยตรงลงบนดาดฟ้าเรือหรือในช่องเก็บสินค้าของเรือ การขนส่งสินค้า Brek Bulk นั้นซับซ้อนกว่า และกระบวนการขนส่งมักจะช้ากว่าและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขนส่งด้วยเรือคอนเทนเนอร์

ความแตกต่างหลัก

1.ประเภทของสินค้า

    • การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์: เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดและรูปร่างเหมือนกันและสามารถใส่ในตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานได้
    • การขนส่งสินค้าเทกอง หรือ Break Bulk : เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ รูปทางไม่ปกติ หรือสินค้าหนัก

2.ค่าใช้จ่าย

    • การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์: คุ้มค่ากว่าด้วยประสิทธิภาพของคอนเทนเนอร์ที่เป็นมาตรฐาน
    • การขนส่งสินค้า Break Bulk : มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเนื่องจากการจัดการที่ซับซ้อนและการขนถ่ายด้วยแรงงาน

3.ประสิทธิภาพ

    • การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์: มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากกระบวนการอัตโนมัติที่ช่วยลดเวลาการขนถ่ายและค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญเหนือการขนส่งสินค้า Break Bulk ที่ต้องใช้เวลาในการจัดการด้วยแรงงานและอุปกรณ์พิเศษ
    • การขนส่งสินค้า Break Bulk  ประสิทธิภาพน้อยกว่าต้องใช้เวลาในการจัดการด้วยแรงงานและอุปกรณ์พิเศษ

 

4.โครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ

    • การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์: ได้รับประโยชน์จากท่าเรือที่ทันสมัยและอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการจัดการตู้คอนเทนเนอร์
    • การขนส่งสินค้า Break Bulk : ต้องการท่าเรือที่สามารถจัดการสินค้าขนาดใหญ่หรือรูปทรงไม่ปกติ ซึ่งอาจไม่มีในทุกท่าเรือ

วิธีการขนส่งที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณในปี 2025

เมื่อเข้าสู่ปี 2025 ธุรกิจกำลังเผชิญกับความท้าทายทางโลจิสติกส์มากมายที่อาจส่งผลต่อการเลือกวิธีการขนส่งของพวกเขา ตั้งแต่ข้อกำหนดด้านความยั่งยืนที่เข้มงวดขึ้นไปจนถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก การเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้ให้ดีเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

  1. แรงกดดันด้านความยั่งยืน: เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามลดการปล่อยคาร์บอนของตน การขนส่งด้วยเรือคอนเทนเนอร์กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจยิ่งขึ้น  เนื่องจากประสิทธิภาพในการขนส่ง  ปริมาณสินค้าจำนวนมากที่สามารถบรรจุในคอนเทนเนอร์ที่มีขนาดมาตรฐานช่วยลดของเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน ในทางตรงกันข้าม การขนส่งสินค้าแบบ Break Bulk ที่ต้องการการจัดการที่ซับซ้อนและกระบวนการที่ช้ากว่า อาจต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น เพราะมักจะมีการปล่อยคาร์บอนสูงกว่า
  2. การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน: การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ข้อจำกัดทางการค้า หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของการขนส่งคอนเทนเนอร์ วิธีนี้เสนอการแก้ปัญหาที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพมากกว่า ในทางตรงกันข้าม การขนส่งสินค้า Break Bulk ยังคงเป็นตัวเลือกทสำหรับธุรกิจที่จัดการสินค้าขนาดใหญ่หรือรูปทรงที่ไม่สามารถบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์เลือกใช้
  3. ความแออัดของท่าเรือและความล่าช้า: เมื่อปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นและการขาดแคลนแรงงานที่ท่าเรือกลายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยขึ้น ธุรกิจอาจเผชิญกับเวลารอคอยที่ยาวนานขึ้นทั้งสำหรับการขนส่งคอนเทนเนอร์และสินค้าแบบBreak Bulk  แม้กระบวนการอัตโนมัติในการขนส่งแบบคอนเทนเนอร์จะช่วยลดความล่าช้าได้ แต่ท่าเรืออาจยังคงประสบปัญหาคอขวด สำหรับการขนส่งสินค้า Break Bulk โดยเฉพาะ จะต้องเผชิญกับความล่าช้าที่มากขึ้นเนื่องจากต้องใช้แรงงานและอุปกรณ์พิเศษในการขนถ่าย
  4. ความคุ้มค่าทางต้นทุนและความยืดหยุ่น: ในปี 2025 ธุรกิจอาจต้องให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าทางต้นทุนในกระบวนการโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าด้วยเรือคอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นที่รู้กันในเรื่องของความคุ้มค่า มักจะเป็นตัวเลือกที่ที่ได้เปรียบเหนือทางเลือกอื่น ๆ ที่สุด อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าแบบ Break Bulk อาจกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในสถานการณ์ที่ทางเลือกการขนส่งแบบคอนเทนเนอร์มีข้อจำกัดหรือไม่สามารถใช้ได้ บริษัทต้องประเมินว่าสินค้าของพวกเขาสามารถขนส่งในตู้คอนเทนเนอร์ได้หรือไม่ หรือถ้าการขนส่งสินค้า Break Bulk จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือรูปทรงไม่มาตราฐาน

 

  1. ผลกระทบของนโยบายอัตราค่าธรรมเนียมใหม่ : นโยบายอัตราค่าธรรมเนียมใหม่สำคัญในการกำหนดการตัดสินใจด้านการขนส่งในปี 2025 หากมีการเรียกเก็บอัตราค่าธรรมเนียมใหม่สำหรับสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องจักรหรือวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจอาจต้องพิจารณาวิธีการขนส่งใหม่เพื่อบรรเทาต้นทุนที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การขนส่งแบบ Break Bulk ซึ่งมักใช้กับสินค้าขนาดใหญ่ อาจต้องเผชิญกับอัตราค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น ทำให้การขนส่งแบบตู้คอนเทนเนอร์กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นหากสินค้าสามารถบรรจุในคอนเทนเนอร์ได้ นอกจากนี้ อัตราค่าธรรมเนียมใหม่อาจมีผลกระทบต่อเส้นทางการค้าและภูมิภาคต่างๆ ทำให้วิธีการขนส่งบางประเภทมีราคาสูงขึ้นหรือถูกลง หากการขนส่งคอนเทนเนอร์ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราค่ะรรมเนียม ธุรกิจอาจพิจารณาหาทางเลือกอื่น เช่น การขนส่งสินค้าแบบ Break Bulk  เมื่อไม่สามารถใช้ตัวเลือกการขนส่งแบบตู้คอนเทนเนอร์ได้ อัตราค่าธรรมเนียมใหม่ยังอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและความซับซ้อนในด้านโลจิสติกส์ ในขณะที่การขนส่งแบบคอนเทนเนอร์ได้รับประโยชน์จากกระบวนการที่เป็นมาตรฐานที่ช่วยลดภาระเอกสาร แต่การขนส่งสินค้าแบบ Break Bulk มักจะต้องมีขั้นตอนพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความน่าสนใจลดน้อยลงสภาพแวดล้อมที่อัตราค่าธรรมเนียมสูงขึ้น ธุรกิจจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและประเมินวิธีการขนส่งที่ดีที่สุดตามต้นทุน อัตราค่าธรรมเนียมและประสิทธิภาพโดยรวมของโลจิสติกส์


การตัดสินใจระหว่างการขนส่งด้วยเรือคอนเทนเนอร์ หรือ Break Bulk ในปี 2025 จะได้รับอิทธิพลไม่เพียงแต่จากประเภทของสินค้า แต่ยังรวมถึงปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น นโยบายอัตราค่าธรรมเนียม เป้าหมายด้านความยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน การขนส่งด้วยเรือคอนเทนเนอร์ยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากกว่าและมีประสิทธิภาพสำหรับสินค้าที่มีรูปแบบมาตรฐาน อย่างไรก็ตามอัตราค่าธรรมเนียมและความท้าทายอื่นๆ อาจบังคับให้ธุรกิจต้องประเมินกลยุทธ์โลจิสติกส์ใหม่และปรับตัวให้เข้ากับทิศทางของการค้าระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลง

 

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต

Get a Quote Go Top