Quote
Factory Buyer Rate Questions

บล็อก

กฏหมายเลซีย์ ภูมิหลัง วิวัฒนาการ และกระบวนการ

07 Feb 2025

By Richie Lin    Photo:CANVA

กฏหมายเลซีย์ (Lacey Act) ได้รับการประกาศใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) และได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญในปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) ถือเป็นกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา กฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่า สัตว์น้ำ และพืชที่ถูกจับหรือเก็บเกี่ยวมาโดยผิดกฎหมาย
ปัจจุบัน กฏหมายเลซีย์กำหนดให้การนำเข้า ส่งออก ขนส่ง จำหน่าย หรือซื้อพืชที่ถูกเก็บเกี่ยว ครอบครอง ขนส่ง หรือจำหน่ายโดยละเมิดต่อกฎหมายของสหรัฐอเมริกาหรือกฎหมายของต่างประเทศเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย วัตถุประสงค์หลักของกฎหมายฉบับนี้คือการปกป้องพืชจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวหรือจัดหาวัสดุพืชมาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไม้และระบบนิเวศทั่วโลก
นอกจากนี้ กฏหมายเลซีย์ยังมีข้อกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องจัดเตรียมเอกสารและคำประกาศที่พิสูจน์ถึงความถูกต้องตามกฎหมายของพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชที่นำเข้า

 

กฏหมายเลซีย์มีผลบังคับใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับพืชในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง:

  • ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้
  • กระดาษและผลิตภัณฑ์จากกระดาษ
  • เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้
  • เครื่องดนตรีที่ทำจากไม้
  • พืช เมล็ดพันธุ์ และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพืช

ท่านสามารถตรวจสอบหมวดและหัวข้อหรือตอนในตารางพิกัดอัตราศุลกากรว่าต้องมีการสำแดงตาม กฏหมายเลซีย์ได้ที่นี้ Lacey Act Declaration Implementation Schedule | Animal and Plant Health Inspection Service

 

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์บางประเภทได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดของกฎหมาย Lacey Act เช่น:

  • ผลิตภัณฑ์จากพืชที่ใช้เฉพาะเป็นวัสดุหีบห่อ เช่น พาเลท กล่องไม้ที่ใช้รองรับ ปกป้อง หรือขนส่งสินค้าอื่น เว้นแต่ตัววัสดุหีบห่อนั้นจะเป็นสินค้าที่นำเข้า
  • ผลผลิตทางการเกษตรทั่วไป เช่น ผลไม้ ผัก และธัญพืช
  • ต้นไม้
  • ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่ใช่พืช (เช่น โลหะ พลาสติก) ซึ่งอาจมีวัสดุจากพืชปะปนอยู่เล็กน้อย

 

วิวัฒนาการ:
แม้ว่ากฎหมายฉบับนี้จะมีเป้าหมายเริ่มแรกเพื่อแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย แต่ในปี 2008 ได้มีการขยายขอบเขตให้ครอบคลุมถึงพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชด้วย ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมสี่ครั้งก่อนปี 2024 ได้แก่ ครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2009 , ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2009 ,  ครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2015 และในครั้งที่สี่เมื่อ วันที่ 2 กรกฏาคม2021  ในปี 2024 สำนักผู้ตรวจสอบโรคพืชและสัตว์แห่สหรัฐอเมริกา (APHIS) ได้ดำเนินการตาม ระยะที่ VII ของกฏหมายเลซีย์  โดยในระยะนี้ มีการกำหนดให้ต้องยื่นเอกสารแสดงข้อมูล (Lacey Act declaration) สำหรับผลิตภัณฑ์จากพืชทั้งหมดที่มีรหัส Harmonized Tariff Schedule (HTS) และไม่ได้เป็นวัสดุคอมโพสิต 100%

หากคุณนำเข้าสินค้าที่มีส่วนประกอบของพืช มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะต้องยื่นเอกสารแสดงข้อมูลภายใต้กฏหมายเลซีย์ หลังจาก ระยะที่ VII มีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม 2024 ตัวอย่างเช่น รหัส HTS 94037080 ซึ่งครอบคลุมเฟอร์นิเจอร์ไม้ประเภทอื่น ๆ จะต้องยื่นเอกสารตามกฎหมายนี้หลังเดือนธันวาคม 2024

APHIS แนะนำให้ผู้นำเข้าทราบถึง ห่วงโซ่อุปทานของวัสดุจากพืช ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เนื่องจากอาจมีการใช้พืชหลากหลายสายพันธุ์ในสินค้า เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่มีการประดับลวดลายด้วยไม้หลายชนิด ดังนั้น ผู้จัดจำหน่ายควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อวิทยาศาสตร์และแหล่งที่มาของพืชแต่ละชนิดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์

 

การบังคับใช้กฎหมาย:

การบังคับใช้กฎหมาย Lacey Act ดำเนินการโดยหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานประมงและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐฯ (USFWS), สำนักผู้ตรวจโรคพืชและสัตว์ (APHIS), และ สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ (CBP) หน่วยงานเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบและบังคับใช้ข้อกำหนดของกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชที่นำเข้าเป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้

เอกสารแสดงข้อมูล (Lacey Act Declaration) ต้องประกอบด้วยรายละเอียดดังต่อไปนี้

ชื่อวิทยาศาสตร์ของพืช มูลค่าของการนำเข้า ปริมาณของพืชที่นำเข้าและชื่อประเทศที่พืชถูกเก็บเกี่ยวมา

สำหรับผลิตภัณฑ์กระดาษและกระดาษแข็งที่มีวัสดุรีไซเคิล เอกสารแสดงข้อมูลต้องระบุ เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของวัสดุรีไซเคิล โดยไม่ต้องคำนึงถึงชนิดของพืชหรือประเทศที่เก็บเกี่ยว

ตัวอย่างการยื่นเอกสารแสดงข้อมูลสำหรับอ้างอิง: (สามารถดูตัวอย่างด้านล่าง)

 

กระบวนการยื่นเอกสาร:

ผู้นำเข้าที่มีการลงทะเบียนและรับผิดชอบตามกฏหมาย (Importer of Record - IOR) จะมอบอำนาจให้ นายหน้าผู้ดำเนินพิธีการศุลกากรหรือเรียว่าตัวแทนอกของ (Customs Broker) เป็นผู้ยื่นเอกสารแสดงข้อมูลตามกฎหมาย Lacey Act ทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมกับกระบวนการผ่านพิธีการศุลกากรผ่าน ระบบ Automated Commercial Environment (ACE)

เมื่อนำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบ ACE ตัวแทนออกของสามารถตรวจสอบ อัตราภาษีศุลกากร ของรหัส HTS (Harmonized Tariff Schedule) และสินค้า รวมถึงข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง (PGA - Partner Government Agencies) เช่น APHIS (Animal and Plant Health Inspection Service), FDA (Food and Drug Administration) เป็นต้น

หากสินค้านั้นจำเป็นต้องยื่นเอกสารตามกฎหมาย Lacey Act ตัวแทนออกของจะดำเนินการยื่นเอกสารทั้ง พิธีการศุลกากร และ เอกสารสำแดงตาม Lacey Act พร้อมกัน

โดยทั่วไป เอกสารนำเข้าสินค้า จะถูกยื่นล่วงหน้า 3 วันก่อนเรือมาถึงท่าเรือ หากตู้สินค้าจะถูกนำออกจากท่าเรือ และจะถูกยื่นหลังจากตู้สินค้าออกจากระบบขนส่งทางราง หากสินค้าจะถูกนำออกจากเมืองปลายทางภายในประเทศ

หลังจากดำเนินการยื่นเอกสารแล้ว จะมี 3 สถานะที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้:

  1. May Proceed – ตู้สินค้าสามารถถูกนำออกได้ทันที
  2. Under Review – ตู้สินค้าสามารถนำออกได้ แต่ CBP (ศุลกากร) และAPHIS จะต้องตรวจสอบเอกสารโดยละเอียดเพิ่มเติม
  3. Hold – ตู้สินค้าจะถูกอายัดเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม

 

สรุป:

การยื่นเอกสารตาม กฎหมาย Lacey Act ไม่ใช่กระบวนการที่ซับซ้อน แต่ หากไม่ปฏิบัติตาม อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้นำเข้าบทลงโทษ สำหรับการละเมิดกฎหมายนี้อาจรวมถึง ค่าปรับทางการเงิน การยึดหรือริบสินค้า และโทษจำคุก นอกจากนี้ บริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด อาจได้รับผลกระทบต่อชื่อเสียงทางธุรกิจ และอาจถูก ตัดสิทธิ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศในอนาคต ดังนั้น หากคุณมีแผนนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ พืชและสัตว์ป่า ไปยังสหรัฐอเมริกา คุณควรปรึกษา ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของคุณอย่างละเอียด เกี่ยวกับ กฎหมาย Lacey Act เพื่อให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างถูกต้อง

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ richie_lin@tgl-group.net เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

 

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต

Get a Quote Go Top