By Eric Huang    Photo：CANVA

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ระบบอัตโนมัติในท่าเรือของสหรัฐฯ เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาอย่างต่อเนื่อง จุดชนวนให้เกิดข้อพิพาทระหว่างสหภาพแรงงานและนายจ้าง ความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เพียงแต่ต่อความมั่นคงในอาชีพของแรงงานและเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดการขนส่งสินค้าระดับโลกด้วย

ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการนัดหยุดงานครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง บทบาทของระบบอัตโนมัติจึงกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว

ความขัดแย้งเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติในท่าเรือไม่ใช่เรื่องใหม่ แม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะยังคงปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้า แต่ความขัดแย้งนี้มีรากฐานมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มขึ้นเมื่อหลายทศวรรษก่อน ย้อนกลับไปช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ท่าเรือได้เปลี่ยนจากการใช้แรงงานคนเป็นหลักไปสู่ระบบขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งนำเครนและเครื่องจักรกลอื่นๆ เข้ามาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากต้องตกงาน

ความขัดแย้งในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบเดิมในประวัติศาสตร์ ซึ่งเทคโนโลยีเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงต่ออุตสาหกรรม ในปี 1977 สมาคมคนงานท่าเรือนานาชาติ (ILA) เคยนัดหยุดงานเพื่อต่อต้านการลดจำนวนแรงงานอันเป็นผลมาจากกระบวนการปรับปรุงให้ทันสมัย เกือบ 50 ปีต่อมา เรื่องราวยังคงเป็นเช่นเดิม แรงงานกังวลว่าระบบอัตโนมัติจะส่งผลกระทบต่ออาชีพของพวกเขา ขณะที่นายจ้างมองว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2024 สมาคมคนงานท่าเรือนานาชาติ (ILA) ได้ประกาศนัดหยุดงานเป็นเวลา 3 วัน ส่งผลให้การดำเนินงานที่ท่าเรือตามแนวชายฝั่งตะวันออกและอ่าวเม็กซิโกต้องหยุดชะงัก การประท้วงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อศูนย์กลางการขนส่งสินค้าสำคัญ ตั้งแต่เขตนิวอิงแลนด์ไปจนถึงรัฐเท็กซัส ตอกย้ำถึงความสำคัญของข้อพิพาทเรื่องระบบอัตโนมัติ

การนัดหยุดงานยุติลงเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ด้วยข้อตกลงชั่วคราว ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงให้กับคนงานท่าเรือ และการขยายระยะเวลาสัญญาหลักฉบับปัจจุบันออกไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2025 อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องระบบอัตโนมัติยังคงเป็นหัวข้อหลักของข้อพิพาท

ILA ได้เรียกร้องให้มีการห้ามใช้อุปกรณ์อัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติอย่างเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่าการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในการทำงานและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในขณะที่สมาคมการเดินเรือแห่งสหรัฐฯ (USMX) ยืนยันว่าระบบอัตโนมัติเป็นปัจจัยสำคัญต่อความยั่งยืนในระยะยาวและประสิทธิภาพของท่าเรืออเมริกัน

จากมุมมองของสมาคมคนงานท่าเรือนานาชาติ (ILA) ระบบอัตโนมัติเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของแรงงาน ผู้นำสหภาพแรงงานให้เหตุผลว่าการแทนที่แรงงานมนุษย์ด้วยเครื่องจักรจะบั่นทอนความมั่นคงทางเศรษฐกิจของคนงานท่าเรือนับพันคน นอกจากนี้ พวกเขายังโต้แย้งว่าระบบอัตโนมัติไม่ได้แปลว่าจะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้บริโภคเสมอไป

ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การใช้ระบบอัตโนมัติส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นและทำให้คนตกงานเป็นวงกว้าง ILA มีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นกับ "ค่าลิขสิทธิ์ตู้คอนเทนเนอร์" ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่เก็บจากการใช้เครนที่ดำเนินการโดยสหภาพแรงงาน ระบบนี้ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของคนงานท่าเรือ

หากมีการใช้ระบบอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น รายได้จากค่าลิขสิทธิ์เหล่านี้อาจลดลง ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพของแรงงานและทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น

งานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของระบบอัตโนมัติต่อการจ้างงานเผยให้เห็นผลลัพธ์ที่ซับซ้อนและขัดแย้งกัน งานศึกษาบางชิ้นระบุว่าระบบอัตโนมัติส่งผลให้มีการจ้างงานลดลง ตัวอย่างเช่น รายงานของ Economic Roundtable ประเมินว่าระหว่างปี 2020 ถึง 2021 ระบบอัตโนมัติที่ท่าเรือลอสแอนเจลิสและลองบีชทำให้พนักงานประจำหายไปถึง 572 ตำแหน่งต่อปี

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยจาก Pacific Maritime Association (PMA) พบว่าระบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้า ซึ่งดึงดูดธุรกิจมากขึ้นและในท้ายที่สุดกลับช่วยเพิ่มตำแหน่งงานในสหภาพแรงงาน

ผลการศึกษาที่ขัดแย้งกันนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการวางแผนอย่างรอบคอบและการทำงานร่วมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะก่อประโยชน์ต่อทั้งแรงงานและเศรษฐกิจโดยรวม

การลงทุนในการพัฒนาทักษะแรงงานอาจเป็นทางออกในการบรรเทาความกังวลของคนงาน โครงการฝึกอบรมสามารถช่วยให้พนักงานปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเปลี่ยนไปสู่บทบาทที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น บนชายฝั่งตะวันตก สหภาพแรงงานท่าเรือและคลังสินค้าแห่งนานาชาติ (ILWU) ได้ร่วมมือกับ Pacific Maritime Association (PMA) จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมที่ท่าเรือลอสแอนเจลิส ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรเกี่ยวกับการบำรุงรักษาและการใช้งานอุปกรณ์อัตโนมัติ โมเดลนี้แสดงให้เห็นว่าสหภาพแรงงานและนายจ้างสามารถร่วมมือกันเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้

อีกแนวทางหนึ่งที่อาจเป็นทางออกคือการเจรจาข้อตกลงเพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงาน สหภาพแรงงานท่าเรือในยุโรปประสบความสำเร็จในการทำข้อตกลงที่มีมาตรการป้องกันการว่างงานจากระบบอัตโนมัติ การเพิ่มข้อกำหนดลักษณะเดียวกันนี้ลงในสัญญาจ้างงานของสหรัฐฯ อาจช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้

ผลลัพธ์ของการเจรจาระหว่าง ILA และ USMX จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ท่าเรือเป็นศูนย์กลางสำคัญของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยมีการขนส่งสินค้ามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อปี ข้อพิพาทด้านแรงงานที่ยืดเยื้อหรือการต่อต้านกระบวนการปรับปรุงให้ทันสมัยอาจบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือสหรัฐฯ และอาจทำให้สายการขนส่งสินค้าหันไปใช้ท่าเรือนานาชาติที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าแทน

ในขณะเดียวกัน ข้อถกเถียงนี้สะท้อนถึงความท้าทายในระดับที่กว้างขึ้น นั่นคือ การสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีกับความจำเป็นในการปกป้องสิทธิแรงงานและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

เมื่อระบบอัตโนมัติยังคงเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั่วโลก การค้นหาแนวทางแก้ไขที่เป็นธรรมและสมดุลต่อประเด็นเหล่านี้จะทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในอนาคต

Appreciate if you could share TGL Blog among your friends who are interested in first-hand market information of supply chain and updated economic incidents.