By Richie Lin    Photo：CANVA

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเราเผชิญกับการฟื้นตัวของตลาดการขนส่งสินค้าครั้งใหญ่ เนื่องจากการขาดแคลนพื้นที่ในการขนส่ง, อัตราค่าบริการที่พุ่งสูงขึ้น และการขนส่งสินค้าเร่งด่วนจากจีน ก่อนที่จะบังคับใช้ภาษีใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ EV ข่าวลือเรื่องการหยุดงานประท้วงที่อาจเกิดขึ้นในท่าเรือและบริษัทการรถไฟของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ก่อให้เป็นปัญหาหลักแก่ลูกค้าที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ไปยังเมืองภายในประเทศเช่น Chicago, Minneapolis และ Detroit

ประสิทธิภาพของท่าเรือและบริษัทการรถไฟจะส่งผลต่อระยะเวลาการขนส่งจากโรงงานไปยังชั้นวางของร้านค้าอย่างแน่นอน แม้ว่าโควิด-19 จะยุติไปนานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ระยะเวลาขนส่งจากประเทศในเอเชียไปยัง IPI (Interior Point of Intermodal) ยังไม่ดีขึ้นจนถึงระดับก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ในปี 2563 การนัดหยุดงานและการขาดแคลนแรงงานยังคงหลอกหลอน ทุกคนในห่วงโซ่อุปทาน และไม่มีวี่แววของการพัฒนาครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

แม้ว่าเราไม่สามารถควบคุมความคิดของสหภาพแรงงานและการรถไฟได้ แต่เรายังมีทางเลือกหนึ่งให้เลือกเนื่องจากมีทางด่วนที่เชื่อมโยงกันทั่วสหรัฐอเมริกา ตัวเลือกนั้นเรียกว่า Transload ความหมายของ Transload คือ การขนถ่ายสินค้าจากรถคันหนึ่งแล้วบรรทุกไปยังอีกคันหนึ่ง สำหรับการจัดส่ง FCL ที่นำเข้าไปยังเมืองภายในประเทศของสหรัฐอเมริกา การขนถ่ายหมายถึงการขนถ่ายสินค้าจากตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือขนถ่ายและบรรทุกลงรถพ่วงและรถบรรทุก และส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้าย

เนื่องจากสินค้าไม่สามารถรอโดยตู้คอนเทนเนอร์ที่จะขนย้ายจากท่าเรือไปจุดที่มีการบรรทุกสินค้าขนส่งผ่านเข้ามาในประเทศโดยหัวลาก จึงสามารถขนส่งไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้ายได้เร็วกว่าทะเลเดิมไปยังขั้นตอนการขนส่งทางรถไฟ ในบทความนี้ จะเจาะลึกขั้นตอนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการขนย้าย และะอธิบายเฉพาะขั้นตอนที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เนื่องจากส่วนอื่นๆ เช่น การรับตู้คอนเทนเนอร์จากโรงงานและการขนส่งทางทะเล ล้วนคล้ายกับการจัดการ FCL ตามปกติ

1.การแจ้งการมาถึง

สำหรับการขนย้ายสินค้า เราจะจองไปที่ท่าเรือเมื่อเราส่งการจองไปยังสายการเดินเรือเท่านั้น บางครั้งลูกค้าอาจขอให้เราเปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ที่จอดอยู่ที่ท่าเรือปลายทางที่เรือเขาเทียบท่า แทนที่จะโอนไปที่ IPI เนื่องจากต้องการเปลี่ยนไปใช้ขั้นตอนการขนย้าย อย่างไรก็ตาม เราต้องทำการเปลี่ยนแปลง 10 วันก่อนเรือจะมาถึงท่าเรือ เนื่องจากสายการเดินเรือต้องใช้เวลาในการส่งการแจ้งเตือนไปยังเรือและการปฏิบัติงานของท่าเรือ สายการเดินเรือจะส่งหนังสือแจ้งการมาถึงไปยังตัวแทนของเราในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้รับตราส่งใน MBL 7 วันก่อนเรือจะถึงท่าเรือของประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นตัวแทนของเราจะโอนใบแจ้งมาถึงไปยังนายหน้าพิธีการศุลกากรของลูกค้าเพื่อเตรียมการยื่นพิธีการศุลกากร เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์จะถูกไปรับที่ท่าเรือ จะต้องยื่นพิธีการศุลกากรนำเข้า 5 วันก่อนที่เรือจะเรียกไปยังท่าเรือที่ปล่อยออก

2.พิธีนำเข้าศุลกากร :

นายหน้าศุลกากรจะยื่นรายการต่อ CBP และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิธีการศุลกากร หากสินค้าที่ต้องการใบรับรอง FDA หรือ Lacey Act จะมีค่าธรรมเนียมการยื่น FDA หรือ Lacey Act เพิ่มเติม ลูกค้าสามารถปรึกษากับนายหน้าศุลกากรและ CBP เกี่ยวกับรหัส HS Code ที่จะใช้ได้อย่างชัดเจน และจะทำให้เกิดค่าธรรมเนียมการตรวจสอบทางศุลกากรหาก CBP เลือกตู้คอนเทนเนอร์ให้ดำเนินการตรวจสอบทางศุลกากร หลังจากที่ศุลกากรปล่อยตัวที่ท่าเรือแล้ว ผู้นำเข้าจะต้องชำระภาษีนำเข้า HMF (ค่าธรรมเนียมการบำรุงรักษาท่าเรือ) และ MPF (ค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินค้า) ให้กับ CBP ก่อนที่จะรับตู้คอนเทนเนอร์

3.การรับตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือเพื่อขนย้ายไปคลังสินค้า:

หลังจากที่เรือมาถึงท่าเรือแล้ว ตู้คอนเทนเนอร์จะถูกปล่อยลงที่ Terminal ของท่าเรือ โดยปกติ Terminal จะเรียกเก็บเงิน THC (Terminal Handling Charge) แต่ THC ในสหรัฐอเมริกาได้รวมอยู่ในอัตราค่าขนส่งทางทะเลจากเอเชียแล้ว และจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินบนดินของสหรัฐอเมริกาอีก เนื่องจากสถานที่จัดส่งสุดท้ายบน MBL คือท่าเรือ ตู้สินค้าจะอยู่ที่ท่าเรือและรอศุลกากรที่ออกโดย CBP ตัวแทนของเราจะตรวจสอบอย่างต่อเนื่องว่าตู้คอนเทนเนอร์สามารถปล่อยออกจากท่าและผ่านพิธีการศุลกากรหรือไม่ เมื่อคอนเทนเนอร์ถูกปล่อยแล้ว มันจะแสดง LFD (Last Free Day) โดยทั่วไปสายการเดินเรือกำหนด 2 วัน ที่จะไม่โดนค่าเสียเวลาที่นำตู้คอนเทนเนอร์ออกจากท่าเรือตามเวลาที่กำหนด และบริษัทรถบรรทุกจะต้องไปรับตู้คอนเทนเนอร์ก่อน LFD

อย่างไรก็ตาม รถบรรทุกไม่สามารถมารับตู้คอนเทนเนอร์ได้หากไม่แสดงใบกำกับสินค้าจากศุลกากร ดังนั้นลูกค้าควรตระหนักว่าจะมีการคำนวณนำตู้คอนเทนเนอร์ออกจากท่าเรือตามเวลาให้ทันกำหนด แม้ว่าปัญหาจะเกี่ยวข้องกับการดำเนินพิธีการศุลกากรก็ตาม หลังจากที่ตู้คอนเทนเนอร์ออกจากท่าเรือจริงและผ่านด่านศุลกากรแล้ว บริษัทรถบรรทุกจะรับตู้คอนเทนเนอร์จากท่าเรือและขนย้ายไปยังคลังสินค้า บริษัทขนส่งจะเรียกเก็บเงินค่า ค่าธรรมเนียม Drayage และ chassis เป็นเวลาสองวัน สายการเดินเรือมักจะให้เก็บตู้ไว้ฟรีสี่วันนับจากวันที่รถบรรทุกมารับตู้คอนเทนเนอร์ไป ดังนั้นรถบรรทุกจะนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่ากลับมาที่ท่าเรือทันทีหลังจากที่สินค้าถูกขนออกจากตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการคืนตู้เปล่าช้าเกินกำหนด โดยปกติคลังสินค้าจะบรรทุกสินค้าลงรถบรรทุกหรือรถพ่วงเพื่อส่งมอบขั้นสุดท้ายในวันเดียวกับการขนถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้  ดังนั้นสินค้าจึงต้องเก็บไว้ในคลังสินค้าเป็นเวลาหลายวัน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นค่าธรรมเนียมการจัดเก็บ

4.ส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้าย:
โดยปกติจะใช้รถพ่วงขนาด 53 ฟุตสำหรับการขนส่งทางถนนระหว่างรัฐในสหรัฐอเมริกา รถพ่วงขนาด 53 ฟุตสามารถบรรทุกปริมาตรได้มากเท่ากับคอนเทนเนอร์ขนาด 40HQ คลังสินค้าจะนับพัสดุอีกครั้งอย่างถูกต้องก่อนที่จะบรรทุกสินค้าลงรถพ่วง บางครั้งคลังสินค้าจะเรียกเก็บค่าแรงเพิ่มเติมหากพบว่าตู้คอนเทนเนอร์มีจำนวนของมากเกินไป หลังจากบรรทุกสินค้าลงรถพ่วงแล้ว บริษัทขนย้ายจะผนึกซีลอันใหม่ และออกคำสั่งจัดส่งใหม่เพื่อแสดงรายละเอียดปลายทางสุดท้าย รายละเอียดสินค้า และหมายเลขซีลอันใหม่ จะใช้เวลาการขนส่ง 4 ถึง 7 วันสำหรับรถพ่วงที่ขนส่งสินค้าจากท่าเรือเช่นซี Seattle, Tacoma, และ Los Angeles ไปยังเมือง Chicago, Minneapolis, Detroit. เมื่อรถพ่วงมาถึงที่หมายสุดท้าย รถพ่วงจะอยู่เพื่อรอจนกว่าสินค้าจะขนถ่าย ดังนั้นจะมีการคิดค่าธรรมเนียมรายชั่วโมง หากการขนถ่ายใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง และคำแนะนำที่สำคัญประการหนึ่งคือ หากลูกค้าต้องการเลือกบริการขนถ่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา เราไม่สามารถจองตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือของแคนาดาได้เหมือนกับบริการ IPI ทั่วไป  การขนย้ายสามารถย่นระยะเวลาขนส่งสำหรับสินค้าที่มุ่งหน้าสู่เมืองภายในประเทศในสหรัฐอเมริกาได้ แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่ใช้การขนส่งแบบขนส่งหลายรูปแบบแบบ FCL แบบดั้งเดิม

Appreciate if you could share TGL Blog among your friends who are interested in first-hand market information of supply chain and updated economic incidents.