การใช้บริการโลจิสติกส์ผ่านผู้ให้บริการบุคคลที่ 4 เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการขยายตลาดไปยังหลายประเทศ

By Richie Lin Photo:CANVA
แม้สหรัฐอเมริกายังคงเป็น ตลาดนำเข้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามข้อมูลของ ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative) และ ตลาดผู้บริโภคของประเทศนี้ ทั้งในด้านการบริโภคภาคครัวเรือน ภาคบริการ และความต้องการของภาคธุรกิจ จะมีขนาดใหญ่มหาศาลและทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก แต่บริษัทต่าง ๆ ก็ควรพิจารณาการขยายไปยังตลาดอื่น ๆ (หรือหลายตลาดพร้อมกัน) แทนการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียว เนื่องจากบางตลาดอาจมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วกว่า อีกทั้งการกระจายตลาดยังช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้ ตามสำนวนที่ว่า “อย่าทุ่มหมดหน้าตัก” (Never put your eggs in one basket.)
ปัจจุบัน เราได้เห็นบริษัทจำนวนมาก แม้แต่บริษัทสัญชาติอเมริกันเอง เริ่มลงทุนเวลาและทรัพยากรเพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นกระบวนการที่ท้าทายและซับซ้อนอย่างยิ่ง ดังนั้น พวกเขาย่อมมองหาผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์บุคคลที่ 4 เพื่อช่วยบริหารจัดการและสนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
แล้วผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์บุคคลที่ 4 คืออะไร? ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์บุคคลที่ 4 หรือ 4PL คือ โมเดลโลจิสติกส์แบบบูรณาการ ที่ผู้ให้บริการจะเป็นผู้จัดการห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดแทนผู้ใช้บริการ ไม่ใช่เพียงแค่การจัดการขนส่งหรือคลังสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการอื่น ๆ ในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร โดยต่อจากนี้ เราจะอธิบายว่า “4 PL” สามารถช่วยผู้ใช้บริการขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้อย่างไร
- การออกแบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกแบบครบวงจร:
4PL จะทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบระบบห่วงโซ่อุปทาน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นตัวแทนส่งของเท่านั้นซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการในการออกแบบการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์สู่ภูมิภาคต่างๆ เช่น เอเชีย ยุโรป และตอนเหนือของอเมริกา โดยผ่าน:
- เขตปลอดอากร (FTZs) และคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อความยืดหยุ่นในการจัดวางสินค้าทั่วโลก
- ศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค เพื่อย่นระยะเวลา และลดความซับซ้อนด้านพิธีการศุลกากร
- การบูรณาการหลายรูปแบบ (ทางทะเล + ทางอากาศ + ทางรถไฟ + ทางรถบรรทุก) เพื่อเข้าถึงตลาดที่หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่างเช่น: 4PL ตั้งเขตการค้าเสรี (FTZ) ในประเทศจีนเพื่อควบคุมสินค้าให้อยู่ภายใต้การควบคุมของลูกค้าหลังจากได้รับสินค้าจากโรงงานในจีน และสร้างคลังสินค้าทัณฑ์บนในเนเธอร์แลนด์และเวียดนามเพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับตลาดสหภาพยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- การจัดการด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการค้า
การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ มักต้องเผชิญกับกฎระเบียบการนำเข้าที่แตกต่างกัน โครงสร้างภาษีมูลค่าเพิ่ม และมาตรฐานสินค้าที่หลากหลาย
4PLs สามารถช่วยได้ด้วยการให้บริการดังต่อไปนี้:
- บริการตัวแทนภาษีทั่วไปหรือแบบจำกัดเฉพาะในสหภาพยุโรป
- การบริหารจัดการด้านปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการค้า เช่น FDA, CE, MDR หรือ Lacey Act
- การจัดการข้อมูลศุลกากรและการยื่นเอกสารล่วงหน้า เพื่อลดความล่าช้าที่ท่าเรือ
ยกตัวอย่างเช่น: บริษัทผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์บุคคลที่ 4 สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษา หรือเป็นตัวกลางไปสู่การทำความเข้าใจเรื่อง พิธีการศุลกากร และข้อกำหนดของสินค้าในแต่ละประเทศ
- การรวมศูนย์และควบคุมข้อมูล
ผ่านการบูรณาการระบบ ERP, WMS และ TMS ขั้นสูง 4PL สามารถมอบ ช่องทางเดียว (single window) ให้ลูกค้าเพื่อติดตามและบริหาร:
- สินค้าคงคลังข้ามประเทศ
- ระยะเวลาขนส่ง ค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง หรือค่าธรรมเนียมด้านโลจิสติกส์ต่าง ๆ
- สถานะคำสั่งซื้อและตัวชี้วัดการส่งมอบให้ลูกค้า
ยกตัวอย่าง: ธุรกิจสามารถบริหารหลายตลาดได้ผ่านแดชบอร์ดดิจิทัลเดียว แทนที่จะต้องใช้หลายเวอร์ชันของระบบ 3PL
- การประสานงานกับผู้ขายและพันธมิตรด้านโลจิสติกส์
4PL จะรวบรวมผู้ให้บริการโลจิสติกส์หลายรายเข้าเป็นเครือข่ายเดียวแบบครบวงจร:
- เจรจาต่อรองอัตราค่าขนส่งกับพันธมิตรโลจิสติกส์ในแต่ละภูมิภาค
- รับรองความสอดคล้องของมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ระหว่างโรงงาน คลังสินค้า และผู้ส่งต่อสินค้า
- ตรวจสอบประสิทธิภาพของผู้ให้บริการ 3PL และสร้างรายงานตัวชี้วัด (KPI) อัตโนมัติ
ยกตัวอย่างเช่น: การประสานงานอย่างราบรื่นตั้งแต่การผลิตในเอเชียจนถึงการส่งมอบสินค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ภายใต้สัญญาการบริหารจัดการฉบับเดียว
- การเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนและการปรับตัวตามตลาด
ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง 4PL จะช่วยระบุว่า:
- ท่าเรือ โหมดการขนส่ง และคลังสินค้าใดที่ช่วยลดต้นทุนการขนส่งทางบกโดยรวมให้เหลือน้อยที่สุด
- ควรเปลี่ยนจากการขนส่งทางทะเลเป็นการขนส่งทางอากาศเมื่อใด (เช่น ตามความต้องการตามฤดูกาล)
- การจัดสรรสินค้าคงคลังให้เหมาะสมที่สุดสำหรับตลาดแต่ละภูมิภาค
ยกตัวอย่างเช่น: บริษัทในสหรัฐฯ สามารถขยายกิจการในสหภาพยุโรปได้โดยใช้แพลตฟอร์ม Amazon และความช่วยเหลือจาก 4PL ในด้านการขนส่งทางทะเล คลังสินค้า ศุลกากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการจัดส่งถึงมือลูกค้า
- การสนับสนุนเชิงกลยุทธ์สำหรับการสำรวจตลาด
นอกเหนือจากการดำเนินงานทั่วๆไป 4PL ยังให้บริการด้าน ข้อมูลเชิงลึกทางตลาด และ การวางแผนตามสถานการณ์ เช่น:
- เปรียบเทียบต้นทุนโลจิสติกส์สำหรับการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคใหม่ (เช่น สหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา)
- แนะนำ โมเดลที่ทุกอย่างเชื่อมผ่านศูนย์กลาง (Hub-and-Spoke) ผ่านการใช้ เขตปลอดอากร (FTZ) สำหรับการจัดส่งไปยังหลากหลายประเทศ
- สนับสนุน โลจิสติกส์ย้อนกลับและการจัดการสินค้าคืน ในตลาดภูมิภาค
ตัวอย่างเช่น: 4PL ช่วยแบรนด์เครื่องกรองน้ำสำหรับใช้ในบ้านจากไต้หวัน ทดสอบส่งสินค้าปริมาณเล็กน้อยไปยังสหภาพยุโรป, จัดเก็บใน คลังสินค้าปลอดอากร (bonded warehouse) ที่เนเธอร์แลนด์ และกระจายต่อให้ผู้ซื้อ B2B ในพื้นที่ หลังจากดำเนินการศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องนำเข้าสินค้าทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรก
ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงกล่าวได้ว่า ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ 4PL สามารถทำหน้าที่เป็น จุดติดต่อเดียว (Single Point of Contact) ระหว่างลูกค้าและพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ทั้งหมด (สายการบิน, สายการเดินเรือ, คลังสินค้า, ตัวแทนศุลกากร, บริษัทขนส่งสินค้า) และรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการออกแบบ, จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด
หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ richie_lin@tgl-group.net.
ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต