เขตการค้าเสรีของจีนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาในการขยายตลาด

By Richie Lin Photo:CANVA
อุปกรณ์ทางการแพทย์มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา และความสำคัญของอุปกรณ์เหล่านี้ยิ่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น อุปกรณ์ทางการแพทย์มักถูกจัดประเภทตามความเสี่ยง เช่น
Class I (ความเสี่ยงต่ำ) – ไม้กดลิ้น ผ้าพันแผล รถเข็นแบบแมนนวล, Class II (ความเสี่ยงปานกลาง) – เข็มฉีดยา ปั๊มให้น้ำเกลือ รถเข็นไฟฟ้า, Class III (ความเสี่ยงสูง) – เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ ลิ้นหัวใจเทียม อุปกรณ์สำหรับผ่าตัดกระดูกสันหลัง ในสหรัฐอเมริกา FDA จะจัดประเภทอุปกรณ์ทางการแพทย์ไว้ในClass I, II, III อย่างไรก็ตาม MDR (Medical Device Regulation) ของสหภาพยุโรป มีการจัดประเภทที่เข้มงวดกว่า ได้แก่ Class I, IIa, IIb, III จีนเป็นรายใหญ่ที่สุดเพียงประเทศเดียวในตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยในปี 2024 จีนครองประมาณ 31.4% ของส่วนแบ่งตลาดการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประมาณ 13% ของตลาดโลก สหรัฐอเมริกาเคยเป็นตลาดอันดับหนึ่งสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ภาษีศุลกากรและความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้หลายบริษัทสหรัฐต้องมองหาตลาดอื่นนอกสหรัฐ อย่างไรก็ตาม บริษัทสหรัฐก็กลัวว่าผู้ผลิตจีนจะติดต่อลูกค้าของบริษัทโดยตรง ถ้าผู้ผลิตจีนรู้ว่าใครคือ ผู้ซื้อปลายทาง ในประเทศอื่น ๆ ทำให้ปัจจุบัน บริษัทสหรัฐหันมาใช้ คลังสินค้า 4PL ในเขตการค้าเสรีของจีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ระดับโลก และเพื่อรักษาข้อมูลลูกค้ารวมถึงควบคุมห่วงโซ่อุปทานอย่างเข้มงวด
1. ใครที่ต้องการใช้ เขตการค้าเสรี? (Free Trade Zone)
- กลุ่มผู้ใช้หลักได้แก่ :
- ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายจากสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการขยายตลาดไปยังภูมิภาคใหม่ เช่น สหภาพยุโรป (EU), อาเซียน, ตะวันออกกลาง หรือ ละตินอเมริกา
- ผู้ผลิตจากเอเชีย ที่ส่งสินค้าไปยังหลายๆตลาดต่างประเทศ
- ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (3PL/4PL) ที่จัดการห่วงโซ่อุปทานแบบซับซ้อนหลายประเทศ
2. เขตการค้าเสรีของจีนทำอะไรได้?
- คำจำกัดความ :
เขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) เป็นพื้นที่พิเศษภายใต้การควบคุมของศุลกากรในจีน สินค้าสามารถนำเข้ามาเก็บไว้ในเขตนี้ หรือทำการกระบวนการแปรรูป แล้วส่งออกกลับไปนอกประเทศได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรหรือ VAT เว้นแต่สินค้านั้นจะเข้าสู่ตลาดภายในประเทศจีน - โดยมีบทบาทหลักๆได้แก่:
- เป็นคลังสินค้าปลอดอากร (Bonded warehousing) – เก็บสินค้าได้โดยไม่เสียภาษี
- ใช้เพื่อการแปรรูปที่ไม่ซับซ้อน การประกอบ การเปลี่ยนฉลาก และการบรรจุใหม่
- ใช้เพื่อการตรวจสอบคุณภาพ และการดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรฐานสินค้า
- มีระบบการบริหารคลังสินค้าโดยผู้ขาย (VMI) พร้อมข้อมูลเรียลไทม์
- ทำหน้าที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าระดับโลก
3. แล้วที่ตั้งของเขตการค้าเสรีจีนอยู่ที่ไหน (Free Trade Zones)
- เขตการค้าเสรีในจีนถูกวางแผนอย่างมีกลยุทธ์ใกล้กับท่าเรือหลัก สนามบิน และศูนย์กลางทางการค้า เช่น :
- เซินเจิ้น (Pingshan) – ตั้งอยู่ใกล้ฮ่องกงและห่วงโซ่อุปทานบริเวณปากแม่น้ำเพิร์ล
- เซี่ยงไฮ้, หนิงปอ, เทียนจิน, กวางโจว – ตั้งอยู่ตามเส้นทางการค้าที่คึกคักที่สุดของจีน
- ศูนย์กลางภายในประเทศ (เช่น เฉิงตู, ฉงชิ่ง) – เชื่อมต่อกับยุโรปผ่านทางรถไฟ
4. แล้วเราควรใช้เขตการค้าเสรีตอนไหน (Free Trade Zones)
- เขตการค้าเสรีจะมีประโยชน์มากที่สุดในกรณีดังต่อไปนี้ :
- บริษัทสหรัฐต้องการทดสอบตลาดใหม่ในต่างประเทศ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างคลังสินค้าท้องถิ่นในแต่ละประเทศ
- ธุรกิจต้องการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีซ้ำซ้อน เมื่อสินค้าผ่านจีนแต่ไม่ได้ขายในจีน
- ความลับทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ (ซัพพลายเออร์ส่งสินค้าไปยัง CBZ เท่านั้น ไม่ส่งตรงถึงลูกค้าปลายทาง)
- บริษัทต้องการ การตอบสนองคำสั่งซื้อระหว่างประเทศให้ได้เร็วขึ้น ผ่านศูนย์กลางเพียงแห่งเดียว
5. เหตุใดจึงต้องมีเขตการค้าเสรี?
- ข้อดีสำหรับบริษัทในสหรัฐอเมริกา:
- จัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ: เพราะสินค้าจะถูกจัดเก็บโดยไม่ต้องเสียภาษีอากรและภาษีมูลค่าเพิ่มจนกว่าจะมีการตัดสินใจว่าจะส่งไปที่ไหน
- มีความยืดหยุ่น: สามารถทำการบรรจุหีบห่อใหม่ ติดฉลากใหม่ และปรับแต่งสินค้าภายในเขตการค้าเสรีได้
- ช่วยรักษาความลับ: ข้อมูลลูกค้าได้จะรับการปกป้องไม่เล็ดลอดไปยังทางโรงงาน
- ช่วยเรื่องการเข้าถึงตลาด: ศูนย์กลาง CBZ เพียงแห่งเดียวสามารถรองรับการกระจายสินค้าไปยังหลายประเทศ
- ช่วยลดความเสี่ยง: ลดความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยการเปิดช่องทางการกระจายสินค้าไปยังตลาดนอกสหรัฐอเมริกา
6. เขตการค้าเสรีทำงานอย่างไร (Free Trade Zone)
- ขั้นตอนปฏิบัติการ (Operational Flow) :
- สินค้าจากซัพพลายเออร์ถูกส่งไปยัง CBZ (China Bonded Zone) ในจีน
- สินค้าจะผ่านกระบวนการ เคลียร์เข้าเขตปลอดอากร (ซึ่งถือว่าเป็นการส่งออกจากโรงงาน)
- ภายในเขตการค้าเสรี สินค้าสามารถผ่านกระบวนการ ตรวจสอบคุณภาพ, บรรจุใหม่, ติดฉลาก หรือรวมสินค้า (consolidate)
- สินค้าอาจถูก:
- ส่งออกต่อไปนอกประเทศสู่ทั่วโลก (ซึ่งจะไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรหรือ VAT ในจีน)
- ทำเรื่องนำเข้าประเทศจีน เพื่อขายในตลาดภายในประเทศ (ซึ่งต้องเสียภาษีและ VAT)
- โดยลูกค้าได้รับประโยชน์
จากการติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์และการจัดส่งระหว่างประเทศที่ยืดหยุ่น
การย้ายสินค้าเข้าสู่ เขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) ทำให้สินค้าถูกพิจารณาว่าเป็น การส่งออกแล้ว และไม่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของโรงงานอีกต่อไป ซึ่งช่วย ปกปิดรายละเอียดลูกค้าจากฝั่งการผลิต อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากโมเดลนี้ เราจำเป็นต้องเข้าใจและปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานอย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ การผ่านพิธีการศุลกากรส่งออก, ขั้นตอน รับสินค้าเข้าคลัง, การจัดการ การเก็บรักษาอย่างเข้มงวด, การจัดการ เอกสารและการกระจายสินค้า โดยด้านล่างเป็น ขั้นตอนอ้างอิงในเขตการค้าเสรี (Referential Procedures in FTZ):
1. การย้ายสินค้าเข้าสู่เขตการค้าเสรี :
การย้ายสินค้าสู่เขตการค้าเสรี หมายถึงการ ส่งสินค้าไปยังดินแดนต่างประเทศ ดังนั้นจำเป็นต้อง ผ่านพิธีการศุลกากรส่งออก ตามขั้นตอนดังนี้
✔ จัดเตรียมเอกสารการจัดส่ง (แบบฟอร์มสำหรับการแจ้งศุลกากร, ใบกำกับสินค้า, รายการบรรจุภัณฑ์)
✔ ส่งข้อมูลรถบรรทุกไปยังเขตการค้าเสรี (ชื่อคนขับ, ทะเบียนรถ, น้ำหนักรถ และน้ำหนักสินค้า)
✔ ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรส่งออก (รถบรรทุกไม่สามารถเข้าสู่เขตการค้าเสรีได้จนกว่าพิธีศุลกากรส่งออกจะเรียบร้อย)
✔ ส่งเอกสารการผ่านศุลกากรให้ผู้ส่งสินค้า (Shipper) เพื่อยืนยันการผ่านพิธีการศุลกากร (ปกติผู้ส่งสินค้าสามารถใช้เอกสารนี้ในการดำเนินการขอคืน VAT จากรัฐบาล)
2. ขั้นตอนการรับสินค้าของคลังสินค้า 4PL
หลังจากสินค้าผ่านเข้ามาใน เขตการค้าเสรีแล้ว สินค้าจะต้องมีคลังเพื่อรับและเก็บรักษาไว้สักระยะ ก่อนจัดส่งไปยังลูกค้าปลายทาง โดยมีขั้นตอนดังนี้:
✔ ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลสำคัญ (หมายเลขใบสั่งซื้อ, หมายเลขใบแจ้งหนี้, รหัสสินค้า, ชื่อสินค้า, หมายเลขล็อต, วันหมดอายุ)
✔ ติดฉลากสถานะของสินค้าที่รับเข้าคลัง (เพื่อระบุสถานะอย่างชัดเจน เช่น รับเข้าแล้ว, กักกันสินค้า)
✔ จัดการสินค้าที่เสียหายหรือมีปัญหาอย่างเหมาะสม ป้องกันไม่ให้สินค้านั้นเข้าสู่กระบวนการส่งออกจนกว่าปัญหาจะถูกแก้ไข
3. การจัดเก็บและบริหารสินค้าคงคลัง
การติดตามสินค้าได้อย่างชัดเจนสามารถช่วยในการดำเนินตามระเบียบได้พิธีการศุลกากรได้
คลังสินค้าต้องเก็บสินค้าให้ ปลอดภัยและสมบูรณ์ พร้อมทั้ง ติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ตลอดเวลา โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้:
✔ การใช้ FIFO/FEFO (First-In-First-Out / First-Expired-First-Out): ป้องกันการส่งสินค้าที่เพิ่งเข้าคลังไปยังลูกค้า แทนสินค้าที่เก่ากว่า
✔ การติดตามล็อตและชุดของสินค้า: สำคัญสำหรับสินค้าที่ถูกควบคุม เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์หรือยา
✔ การหมุนเวียนสต็อกและการนับรอบสินค้า (Cycle Counting): ป้องกันไม่ให้สินค้าที่หมดอายุหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานถูกจัดส่งออกไปได้
✔ บันทึกการตรวจสอบอุณหภูมิ: สามารถใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนคุณภาพสินค้าในระหว่างการตรวจของศุลกากร
✔ การควบคุมศัตรูพืชและบันทึกสุขอนามัย: สำคัญเป็นพิเศษสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์จำพวกยา
4. การจัดการและการกระจายสินค้า: การเตรียมส่งออกสินค้า
เมื่อสินค้าถูกขายไปยังลูกค้าปลายทางแล้ว คลังสินค้าจะต้องเตรียมสินค้าและเอกสาร เพื่อจัดส่งออกจากเขตการค้าเสรีไปยังประเทศอื่น โดยมีขั้นตอนดังนี้:
✔ การหยิบ การบรรจุ และการติดฉลากจะต้องสอดคล้องกับเอกสารการขนส่งและข้อกำหนดทางกฎหมาย
✔ เตรียมเอกสารเพื่อแจ้งศุลกากรในการออกจากเขตการค้าเสรี เช่น packing lists และ invoices ต้องถูกต้องและพร้อมใช้งาน
✔ การขนส่งไปยังลูกค้าทั่วโลก จัดเตรียมการขนส่งทางทะเลหรือทางอากาศไปยังลูกค้าปลายทาง หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการศุลกากรส่งออกจากเขตการค้าเสรี
5. พื้นที่สินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานและพื้นที่กักกัน: การควบคุมความเสี่ยง
บางครั้ง สินค้าที่ถูกย้ายเข้าสู่เขตการค้าเสรีอาจมี ปัญหาด้านคุณภาพ ดังนั้นคลังสินค้า 4PL จำเป็นต้องมีมาตรการดังนี้:
✔ จัดทำเอกสารอย่างชัดเจนสำหรับสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
✔ กำหนดกระบวนการจัดการสินค้า เช่น การปรับปรุงใหม่ การกำจัด หรือส่งกลับซัพพลายเออร์
✔ ขั้นตอนแยกสินค้าอย่างเข้มงวด เพื่อให้สินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานไม่ปนกับสินค้าที่พร้อมส่งออก
สำหรับบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ของสหรัฐอเมริกา คลังสินค้า 4PL ในเขตการค้าเสรีของจีน ถือเป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์ระดับโลก ที่ช่วย ลดต้นทุน เพิ่มความยืดหยุ่น และทำให้การกระจายสินค้าไปหลายประเทศง่ายขึ้น บริษัทสามารถเก็บสินค้า บริหารจัดการ และส่งออกต่อจากจีนไปยังตลาดอื่นๆทั่วโลก ได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าของจีน ทำให้เขตการค้าเสรีเป็น เครื่องมือสำคัญในการขยายตลาดระหว่างประเทศ
ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต