ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์แบบควบคุมอุณหภูมิ

By Tony Li Photo:CANVA
ตู้คอนเทนเนอร์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) คือ ตู้คอนเทนเนอร์ที่ติดตั้งระบบทำความเย็น ใช้สำหรับการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิทั่วโลก เพื่อรักษาอุณหภูมิของสินค้าให้อยู่ในระดับต่ำตามที่กำหนด (แบบแช่เย็นหรือแช่แข็ง) หรือรักษาอุณหภูมิให้คงที่ตลอดการขนส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยตู้ชนิดนี้มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการค้าระหว่างประเทศทางไกล
การใช้งานของตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ:
ประเภทสินค้า | ช่วงอุณหภูมิ | ตัวอย่าง |
สินค้าแช่แข็ง |
-18°C ถึง -30°C |
อาหารทะเลแช่แข็ง, เนื้อสัตว์แช่แข็ง, ไอศกรีม |
สินค้าชนิดแช่เย็น | 0°C ถึง +10°C |
ผลไม้, ผลิตภัณฑ์นม, ผัก |
สินค้าที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ |
+15°C ถึง +25°C | ยา, วัคซีน, สารเคมี |
คุณสมบัติมาตรฐานของตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ:
สเปค |
ตู้ควบคุมอุณหภูมิ ขนาด 20 ฟุต |
ตู้ควบคุมอุณหภูมิ ขนาด 40 ฟุต |
ขนาดภายใน (ยาว x กว้าง x สูง) |
ประมาณ 5.4 x 2.3 x 2.2 เมตร |
ประมาณ 11.5 x 2.3 x 2.5 เมตร |
ปริมาตร | ประมาณ 28 ลูกบาศก์เมตร | ประมาณ 67.5 ลูกบาศก์เมตร |
น้ำหนักบรรทุกสูงสุด |
ประมาณ 22,000 กก. |
ประมาณ 29,000 กก. |
การควบคุมอุณหภูมิ | -30°C ถึง +30°C (บางรุ่นอาจถึง -60°C) | |
วัสดุ | บุสแตนเลส, ชั้นฉนวน PU, อะลูมิเนียม |
หลักการทำงานของตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ:
- ใช้การทำความเย็นแบบแอคทีฟ:ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ อีวาโปเรเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งต้องใช้แหล่งพลังงานภายนอก (จากเรือ ท่าเรือ หรือเครื่องกำเนิดไฟของรถบรรทุก)
- มีเทอร์โมสแตตและระบบบันทึกความเย็น: ใช้สำหรับตั้งค่าและติดตามอุณหภูมิของสินค้าอย่างแม่นยำ เพื่อให้เกิดการควบคุมอุณหภูมิแบบไม่ขาดตอน
- การหมุนเวียนอากาศ: ลมเย็นจะถูกเป่าจากช่องลมด้านล่างและหมุนเวียนกลับผ่านช่องบน เพื่อรักษาอุณหภูมิให้สม่ำเสมอทั่วทั้งตู้
การใช้งานจริงและข้อควรพิจารณา:
- ต้องมีการทำความเย็นล่วงหน้า:สินค้าควรถูกทำความเย็นล่วงหน้าให้ถึงอุณหภูมิที่ต้องการไว้ก่อน เนื่องจากตัวตู้คอนเทนเนอร์ไม่ใช่เครื่องแช่แข็ง
- ต้องคำนึงถึงวิธีการจัดเรียงสินค้า: ต้องจัดเรียงสินค้าให้ลมสามารถไหลเวียนได้โดยไม่ติดขัด
- ข้อกำหนดด้านพลังงาน:ต้องใช้ไฟฟ้า 3 เฟส แรงดัน 380-460V โดยทั่วไปต้องมาจากเรือหรือแหล่งจ่ายไฟที่ท่าเรือ
- พิธีการศุลกากรและเอกสาร: ต้องมีเอกสารกักกัน ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า และใบรับรองการควบคุมอุณหภูมิสำหรับทั้งประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้า
คำแนะนำในการโหลดสินค้าและการควบคุมอุณหภูมิ:
- ควรเรียงสินค้าซ้อนกันเป็นชั้นอย่างเป็นระเบียบ เพื่อหลีกเลี่ยงการทับและขวางช่องลม
- ใช้พาเลทเพื่อช่วยในการไหลเวียนของอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนถ่าย
- ติดตั้งเครื่องบันทึกอุณหภูมิ (เช่น Thermo King / Data Logger)
- ต้องแน่ใจว่าการขนส่งจะอยู่ในระบบการควบคุมอุณหภูมิอย่างไม่ขาดตอน (จากรถบรรทุกควบคุมอุณหภูมิ → ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ → คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ)
- ควรบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ในสัดส่วนประมาณ 70–80% ของความจุทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการบรรจุมากเกินไปหรือการอุดช่องลม เพราะจะทำให้การทำความเย็นไม่มีประสิทธิภาพ
- หลังจากเคลื่อนย้ายตู้ควบคุมอุณหภูมิ ควรปล่อยให้ตู้พักอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเสียบปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำมันคอมเพรสเซอร์และรักษาการควบคุมอุณหภูมิให้มีเสถียรภาพ
แนวทางในการหาค่าใช้จ่ายในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ:
- ค่าระวางสินค้า (Freight Charge): คิดตามเส้นทางการเดินเรือ ขนาดตู้ และฤดูกาล
- ค่าธรรมเนียมตู้ควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Surcharge): โดยทั่วไปจะสูงกว่าตู้ธรรมดา 2–4 เท่า เนื่องจากต้องการการจ่ายไฟและต้องมีระบบควบคุมอุณหภูมิ
- ค่าไฟฟ้า (Power Charge): ค่าบริการไฟฟ้าที่ท่าเรือหรือลานพักตู้ คิดแบบรายวัน
- ค่าจัดการท่าเรือ (THC): ค่ายกตู้ที่ท่าเรือ
- ค่าก่อสร้างท่าเรือ: ค่าบริการโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ
- ค่าฝากตู้ / ค่าปรับล่าช้า (Storage/Demurrage): ค่าใช้จ่ายในการฝากหรือค่าปรับล่าช้าในการคืนตู้
- ค่าไฟฟ้าในพื้นที่ท่าเรือ: ค่าไฟสำหรับตู้ที่เสียบอยู่ในท่า
- ค่าทำความสะอาด: ค่าล้างทำความสะอาดตู้
- ค่าเช่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator Set): ค่าบริการเช่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับรถบรรทุกควบคุมอุณหภูมิหรือการขนส่งทางบก
- เงินมัดจำตู้คอนเทนเนอร์: บางสายเรือหรือบริษัทโลจิสติกส์อาจเรียกเก็บเงินมัดจำเพื่อประกันการคืนตู้ควบคุมอุณหภูมิเพื่อรับประกันว่าจะคืนตู้และไม่มีความเสียหาย
- ค่าติดตามการควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Monitoring Fees): ค่าอุปกรณ์ เช่น Data Logger ที่ใช้ติดตามอุณหภูมิและตำแหน่งของสินค้าในระหว่างขนส่ง
การขอใบเสนอราคาที่แม่นยำถูกต้อง:
เพื่อให้ได้ใบเสนอราคาที่แม่นยำ คุณควรแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้:
- ท่าเรือต้นทางและปลายทาง
- ประเภทของตู้คอนเทนเนอร์ (20 ฟุต หรือ 40 ฟุต)
- ความเร่งด่วนของคำสั่งซื้อ (เร่งด่วน / สัญญาระยะยาว)
- ความต้องการเฉพาะด้านเวลาและการขนส่ง (เช่น ต้องการการจัดการการควบคุมอุณหภูมิ)
ขอแนะนำให้ติดต่อบริษัทชิปปิ้งหรือ Freight Forwarder เพื่อขอใบเสนอราคาโดยละเอียด เนื่องจากพวกเขาสามารถให้ราคาจากสายเรือ แผนการรวมตู้ และเงื่อนไขที่ตรงความต้องการได้
ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต