By Cadys Wang    Photo：CANVA

ในสภาพการเดินเรือปัจจุบัน ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่แค่เรื่อง ค่าใช้จ่าย แต่เป็นเรื่องของ ความสม่ำเสมอ ตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เส้นทางการเดินเรือจากเอเชียไปยังอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปยังสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ได้เผชิญกับการ ยกเลิกเที่ยวเรือ และการงดแวะบางท่าเรือในนาทีสุดท้าย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงจำนวนเรือที่น้อยลง ระยะเวลารอคอยที่นานขึ้น และความไม่แน่นอนที่มากขึ้นสำหรับทั้งการขนส่งแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์และแบบไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์

ผู้ให้บริการเรือกำลังลดจำนวนเที่ยวเรือเพื่อปรับสมดุลกับความต้องการที่ต่ำลง, ลดต้นทุนเชื้อเพลิง, และรักษาราคาค่าระวางของพวกเขา แต่การตัดสินใจเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นโดยมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพียงเล็กน้อย สัปดาห์หนึ่งสินค้าของคุณอาจได้รับการยืนยันว่าจะส่งไปยังลอสแอนเจลิสหรือแวนคูเวอร์ แต่อีกสัปดาห์ถัดมา เรือลำนั้นกลับถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้กำหนดการของคุณล่าช้าออกไปหนึ่งหรือสองสัปดาห์เลยทีเดียว

สำหรับสินค้าแบบไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ (LCL) ผลกระทบอาจจะรุนแรงกว่า เนื่องจากสินค้าจะถูกรวมไว้ที่ต้นทาง การพลาดเที่ยวเรือเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เกิดความล่าช้ากับกลุ่มผู้ส่งสินค้าทั้งหมด โดยมีทางเลือกจำกัด และสำหรับสินค้าที่มีปลายทางในแคนาดา สถานการณ์จะมีความอ่อนไหวมากขึ้น เนื่องจากสินค้าจำนวนมากยังคงต้องผ่านท่าเรือของสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันมีความหนาแน่นมากขึ้น และมีการควบคุมศุลกากรและการขนส่งทางบกที่เข้มงวดขึ้น

ทำไมสายเรือจึงปรับเปลี่ยนเส้นทางบ่อยครั้ง?

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความล่าช้า แต่เป็นเรื่องของกลยุทธ์ สายเรือกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการรักษาการดำเนินงานให้มีกำไร ในขณะที่ต้องรับมือกับความต้องการที่อ่อนแอลง ต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น และความแออัดของท่าเรือ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงปรับเปลี่ยนเส้นทางและยกเลิกเที่ยวเรือในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางเอเชีย-อเมริกาเหนือ

เมื่อยอดจองลดลง ผู้ให้บริการเรืออาจยกเลิกเที่ยวเรือเพื่อลดปริมาณระวางบรรทุก สิ่งนี้ช่วยป้องกันไม่ให้อัตราค่าระวางลดฮวบลง และช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการเดินเรือโดยบรรทุกสินค้าน้อยกว่าระวาง ในบางกรณี พวกเขาอาจรวมการจองจากหลายเที่ยวเรือเข้าเป็นเที่ยวเดียว โดยยกเลิกเที่ยวเรือที่เหลือไปเลยก็มี

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ใช้กันบ่อยคือ การงดแวะท่าเรือ หากท่าเรือใดมีปริมาณสินค้าไม่มากพอหรือเกิดความล่าช้า สายการเดินเรืออาจตัดสินใจงดแวะท่าเรือนั้นไปเลย เพื่อให้เรือสามารถเดินตารางได้ตามกำหนดและลดต้นทุน ตัวอย่างเช่น ท่าเรือโอ๊กแลนด์ หรือซีแอตเทิล อาจถูกยกเลิกการแวะ เพื่อไปแวะท่าเรือที่ใหญ่กว่าอย่างลอสแอนเจลิส , ลองบีชหรือแวนคูเวอร์ แทน เนื่องจากเป็นท่าเรือใหญ่กว่าที่มีการเชื่อมต่อที่ดีกว่าและใช้เวลาในการดำเนินการได้เร็วกว่า

บางสายการเดินเรือยังปรับบริการให้เข้ากับฤดูกาลอีกด้วย แทนที่จะเดินเรือตรงไปยังชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะขนส่งสินค้าผ่านทางชายฝั่งตะวันตกและใช้รถไฟในการขนส่งภายในประเทศ ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและเชื้อเพลิง

ผู้ส่งสินค้าทำอะไรได้บ้าง?

สภาวะปกติใหม่ นี้ต้องการความคล่องตัว การพึ่งพากำหนดการหรือเส้นทางเดียวที่ตายตัวนั้นไม่สามารถทำได้จริงอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่เราเข้ามาช่วยเหลือ

ที่ Team Global Logistics เราติดตามความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการเดินเรือ, ตารางการเดินเรือ, และประสิทธิภาพของท่าเรืออย่างใกล้ชิด ทำให้เราสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งสินค้าได้ตามความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนท่าเรือ, การวางแผนตัวเลือกการขนถ่ายสินค้า , หรือการเลือกผู้รวบรวมสินค้าแบบ LCL ที่มีความมั่นคงที่สุด เป้าหมายของเราคือการลดความเสี่ยงของคุณและทำให้ห่วงโซ่อุปทานของคุณดำเนินต่อไปได้

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต