Quote
Factory Buyer Rate Questions

บล็อก

โลจิสติกส์ – กลไกที่มองไม่เห็น แต่คือกุญแจสู่ความสำเร็จของการค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย

26 Sep 2025

By Eric Huang    Photo:CANVA


ในเช้าวันที่ชื้นแฉะที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม เครนขนาดยักษ์แกว่งตัวเหมือนยักษ์เหล็ก ยกตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุรองเท้าผ้าใบและสมาร์ทโฟนอย่างระมัดระวัง ขณะที่อีกฟากโลก ในคลังสินค้าชานเมืองโฮจิมินห์ คนงานกำลังเร่งจัดเรียงพาเลทสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จะถูกส่งออกไปยุโรปเพื่อเตรียมสำหรับคริสต์มาส มองเผิน ๆ ทั้งสองฉากนี้ดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่แท้จริงแล้วเชื่อมโยงกันด้วยเส้นด้ายที่มองไม่เห็นเส้นหนึ่ง: โลจิสติกส์

 

สำหรับผู้ค้าสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดหาสินค้าให้เครือข่ายค้าปลีกขนาดใหญ่ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือผู้ค้าส่ง โลจิสติกส์ได้กลายเป็นปัจจัยเงียบที่ชี้ชะตาความสำเร็จหรือความล้มเหลวของธุรกิจ การตั้งราคาถูกหรืออาศัยกระแสผู้บริโภคไม่เพียงพออีกต่อไป ความได้เปรียบในวันนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนได้ รวดเร็วกว่า ประหยัดกว่า และเชื่อถือได้มากกว่า โลจิสติกส์จึงไม่ใช่เพียง กลไกสนับสนุนแต่ได้กลายเป็น หัวใจของการค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างแท้จริง

 

เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดโลจิสติกส์จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญ เราต้องม้องย้อนกลับมาก่อนว่าการค้าโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทศวรรษที่ผ่านมา ผู้ค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายใช้สูตรสำเร็จง่ายๆ คือ ผลิตของในจีน ขนส่งไปทางทะเล จัดเก็บสินค้าไว้ในยุโรปหรืออเมริกาเหนือ และกระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีก ซึ่งสูตรสำเร็จนี้มีประสิทธิภาพ คาดการณ์ได้ และทำกำไรได้อีกด้วย

 

แต่สูตรสำเร็จนั้นได้จบไปแล้ว จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการค้าไป ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้าจีนบังคับให้ผู้ค้าหลายรายต้องเปลี่ยนแหล่งผลิตไปยังเวียดนาม อินเดีย และแม้แต่เม็กซิโก ในยุโรป นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กลไกการปรับลดคาร์บอนที่ชายแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism) ได้บังคับให้บริษัทต่างๆ ตรวจสอบรอยเท้าคาร์บอนของทุกตู้คอนเทนเนอร์ ทางฝั่งผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน หลังการระบาดของครั้งใหญ่ ผู้บริโภคก็มีความเข้มงวดมากขึ้น ใจร้อนมากขึ้น คาดหวังให้สินค้ามีราคาถูก โปร่งใส และจัดส่งอย่างรวดเร็ว แรงกดดันที่โถมเข้ามาเหล่านี้ได้เปลี่ยนระบบโลจิสติกส์ให้กลายเป็นสนามรบอย่างแท้จริง ใครก็ตามที่เข้าใจและปรับใช้สิ่งเหล่านี้ ก็จะได้เป็นผู้ครองตลาด

 

สำหรับสินค้าที่ผ่านช่องทางจัดจำหน่าย เส้นทางโลจิสติกส์ไม่เคยเป็นเส้นตรง เริ่มต้นจากการจัดซื้อจากโรงงานในเอเชีย จากนั้นจึงข้ามมหาสมุทร ผ่านขั้นตอนศุลกากรที่ซับซ้อน เข้าสู่คลังสินค้า และสุดท้าย สู่ร้านค้าปลีกหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ในทุกขั้นตอน ล้วนมีความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถหาวิธีประหยัดเวลา หรืออาจเสียเวลาไป

 

การขนส่งสินค้าทางทะเลยังคงเป็นกระดูกสันหลังของการค้าโลก ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกที่สุดในการขนส่งสินค้าปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ความเปราะบางของการขนส่งทางทะเลก็เป็นที่ทราบกันดี ในปี พ.ศ. 2564 เหตุการณ์การกีดขวางคลองสุเอซโดยเรือเอเวอร์กิฟเวน ได้ทำให้สินค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ตกค้างอยู่กลางทะเล แม้ว่าการขนส่งสินค้าทางอากาศจะมีต้นทุนสูง แต่ก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งสินค้ามูลค่าสูงหรือสินค้าเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปิดฤดูกาลหรือเมื่อชั้นวางสินค้าจำเป็นต้องเติมสินค้า การขนส่งทางรถไฟกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆ เป็นทางเลือกหนึ่งในภูมิภาคยูเรเซีย จากความสมดุลระหว่างความเร็วที่มากกว่าการขนส่งทางทะเลและราคาที่ถูกกว่าการขนส่งทางอากาศ ส่วนการขนส่งทางรถบรรทุกแม้จะไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งในระยะสุดท้าย (last-mile delivery) โดยการขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังชั้นวางสินค้าและประตูบ้านของผู้บริโภค

 

ด้านคลังสินค้าเองได้พัฒนาจากการเป็นที่จัดเก็บสินค้าธรรมดาๆ ไปสู่สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ การเลือกสถานที่ตั้งคลังสินค้าในปัจจุบันมีอิทธิพลต่อภาระภาษี ความเร็วในการจัดส่ง และแม้แต่ความพึงพอใจของลูกค้า อย่างเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ซึ่งมีท่าเรือและระบบการผ่อนผันภาษีมูลค่าเพิ่ม ถือเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าที่สำคัญของยุโรปมาอย่างยาวนาน ส่วนในเอเชีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และปัจจุบันคือเวียดนาม จะเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญ ในสหรัฐอเมริกา ลอสแอนเจลิสและนิวเจอร์ซีย์ยังคงเป็นประตูสู่ตลาดหลัก แต่ศูนย์กระจายสินค้าภายในประเทศอย่างชิคาโกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน อิทธิพลของอีคอมเมิร์ซที่ผลักดันความต้องการในการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียว ได้ทำให้ ศูนย์กระจายสินค้าขนาดเล็กกลายเป็นเทรนด์ใหม่ ซึ่งพิสูจน์ว่า ธุรกิจในปัจจุบัน “ความเร็ว” เท่ากับ “ความสามารถในการแข่งขัน”

 

หากการขนส่งและการจัดเก็บสินค้าเป็นส่วนสำคัญของโลจิสติกส์ พิธีการศุลกากรก็เปรียบเสมือนเขาวงกตของระบบราชการที่ผู้ประกอบการต้องฝ่าฟัน แต่ละประเทศมีการบังคับใช้กฎเกณฑ์ มาตรฐาน และเอกสารของตนเอง เช่น ICS2 ของสหภาพยุโรปกำหนดให้ต้องยื่นข้อมูลการขนส่งก่อนที่สินค้าจะออกเดินทาง ขณะที่สหรัฐอเมริกากำหนดให้ใช้ระบบ Automated Commercial Environment (ACE) หากมีข้อผิดพลาดในกระบวนการเหล่านี้ก็จะความเสียหายเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่ทำให้เกิดความล่าช้าเท่านั้น แต่ยังอาจมีค่าปรับ การยึดสินค้า และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงอีกด้วย ทำให้ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายต้องพึ่งพาตัวแทนออกของหรือผู้รับผิดชอบทางภาษีแทนบริษัทต่างชาติ ควบคู่ไปกับการสร้างความเชี่ยวชาญภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดประเภทรหัส พิกัดศุลกากร เพราะท้ายที่สุดแล้ว การขนส่งสินค้าที่ติดฉลากผิดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้สินค้าติดค้างได้นานหลายสัปดาห์

 

นอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิบัติตามข้อกำหนดแล้ว โลจิสติกส์สมัยใหม่ยังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ยี่สิบปีก่อน ผู้ค้าส่งสินค้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกทำได้แต่รอคอยและภาวนา แต่ใน ปัจจุบัน อุปกรณ์ IoT ระบบติดตามดาวเทียม และแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้สามารถมองเห็นภาพได้แบบเรียลไทม์ แม้กระทั่งคาดการณ์ความแออัดที่ด่านศุลกากรแอนต์เวิร์ปก่อนที่จะเกิดขึ้น เทคโนโลยีได้เปลี่ยนโฉมโลจิสติกส์จากกระบวนการเชิงรับเป็นข้อได้เปรียบเชิงรุก สำหรับผู้ค้า คำถามไม่ใช่ว่าจะคุณควรเปลี่ยนเข้าสู่ระบบดิจิทัลหรือไม่ แต่คือจะเปลี่ยนได้เร็วแค่ไหน

 

ผู้ค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายหนึ่งในสหรัฐฯ ได้ยกตัวอย่างที่ชัดเจนว่าโลจิสติกส์เป็นอาวุธสำคัญในการแข่งขัน เมื่อเผชิญกับภาษีนำเข้าจากจีนที่พุ่งสูงขึ้น บริษัทจึงย้ายแหล่งผลิตบางส่วนไปยังเวียดนามและมาเลเซีย เพื่อลดต้นทุนในสหรัฐอเมริกา บริษัทจึงจัดส่งสินค้าผ่านคลังสินค้าทัณฑ์บนในเม็กซิโกก่อนจะกระจายสินค้าต่อไป ส่วนในยุโรป บริษัทได้จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในเนเธอร์แลนด์ โดยใช้กฎการเลื่อนการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อกระตุ้นกระแสเงินสด ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้นำระบบคาดการณ์ด้วย AI มาใช้เพื่อคาดการณ์ความต้องการที่อาจเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก ต้นทุนการนำเข้าลดลง 12 เปอร์เซ็นต์ ความเร็วในการจัดส่งดีขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจโดยรวมมีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต กรณีนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมื่อโลจิสติกส์ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์มากกว่าจะเป็นต้นทุน โลจิสติกส์ก็จะกลายเป็นจุดที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

 

สำหรับผู้ค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย โลจิสติกส์คือกลไกที่มองไม่เห็นซึ่งช้ตัดสินแพ้กันได้เลย หากบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีก็จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็ว และสร้างความผูกพันกับลูกค้า แต่หากบริหารจัดการไม่ดี ก็จะลดผลกำไรและทำลายชื่อเสียง บริษัทที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตคือบริษัทที่ถือว่าโลจิสติกส์เป็นความสามารถหลัก ไม่ใช่หน้าที่รอง

 

ในโลกที่กฎการค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความจริงข้อหนึ่งที่คงอยู่ตลอดไปก็คือ ในการค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น การเชี่ยวชาญในโลจิสติกส์ก็ย่อมหมายถึงการเชี่ยวชาญในตลาดด้วยเช่นกัน

 

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต

Get a Quote Go Top