By Vincent Wen    Photo：CANVA

ในห่วงโซ่อุปทานโลกที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจต่างๆ ต่างก็ต้องการความตรงต่อเวลาและความยืดหยุ่นในการขนส่งมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น สภาพอากาศเลวร้าย ท่าเรือแออัด การหยุดงานของแรงงาน หรือความสามารถในการบินระหว่างประเทศที่ลดลง บริการเช่าเหมาลำทางอากาศจึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยปิดช่องว่างดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว

การเช่าเหมาลำเครื่องบิน ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถควบคุม เส้นทาง ปลายทาง และกำหนดเวลาบิน ได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้มั่นใจว่าสินค้าสำคัญจะไม่ล่าช้าเพราะข้อจำกัดต่างๆแบบเที่ยวบินปกติ โดยสามารถมองตัวอย่างที่ผ่านๆมา เช่น การขนส่งวัคซีนและเวชภัณฑ์ การส่งพลังงานในยุโรป และการเร่งส่งสินค้าในช่วงพีคของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเที่ยวบินเช่าเหมาลำในการรักษาเสถียรภาพของตลาด

ประเภทหลักของการขนส่งทางอากาศแบบเช่าเหมาลำ

1. แบบเหมาลำทั้งลำ (Full Charter)

บริษัทหรือผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะเช่าเครื่องบินทั้งลำเพื่อบินตรงจากต้นทางไปยังปลายทาง เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าปริมาณมากหรือกรณีที่ต้องการขนส่งโดยเส้นทางตรง

ขั้นตอน: โดยทั่วไปจะต้องทำการจองและขอสิทธิ์การบินล่วงหน้าก่อนหลายสัปดาห์ เพื่อให้สายการบินมีเวลาในการจัดตารางเที่ยวบิน

รูปแบบการกำหนดราคา: ค่าบริการจะขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันโลก ระยะทางในการบิน และความต้องการในตลาด หากไม่มีสินค้าสำหรับขนในเที่ยวกลับ ต้นทุนอาจสูงขึ้น

กรณีตัวอย่างการใช้บริการ: ส่งออกแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ขนส่งของจัดแสดง อาหารทะเล และดอกไม้ที่ต้องการการขนส่งอย่างรวดเร็ว

2. แบบเช่าเหมาลำบางส่วน (Partial Charter)

ผู้ขนส่งหลายรายจะเช่าพื้นที่บนเครื่องบินร่วมกัน โดยสายการบินจะเป็นผู้จัดสรรพื้นที่ให้

ข้อดี: มีต้นทุนต่ำกว่าเหมาลำทั้งลำ เหมาะกับสินค้าขนาดกลาง

ข้อจำกัด: เนื่องจากมีหลายผู้ส่ง การจัดตารางจึงมีความยืดหยุ่นน้อย และมีโอกาสล่าช้าสูง

ข้อดีของการขนส่งทางอากาศแบบเช่าเหมาลำ

ความยืดหยุ่นด้านเวลา: การบินแบบเส้นทางตรงจะช่วยลดความเสียหายและความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในการถ่ายลำ

มีพื้นที่แน่นอน: รับประกันการเคลื่อนย้ายสินค้าในช่วงพีคหรือเมื่อเที่ยวบินตามกำหนดการถูกจองเกินจำนวน

ประสิทธิภาพ: ลดจำนวนการขนส่งยิบย่อยและลดเวลาในการผ่านพิธีการศุลกากร

ตอบโจทย์เฉพาะทาง: เหมาะกับสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ สินค้าขนาดใหญ่ ของจัดแสดง หรือ การจัดส่งเร่งด่วน

ความท้าทายของการขนส่งทางอากาศแบบเช่าเหมาลำ

ต้นทุนสูง: แพงกว่าการขนส่งทางเรือหรือเที่ยวบินปกติมาก

ความเสี่ยงจากสภาพอากาศ: พายุไต้ฝุ่น หิมะตกหนัก และสภาพอากาศที่เลวร้ายต่างๆ อาจทำให้เที่ยวบินล่าช้าหรือถูกยกเลิก

ข้อจำกัดด้านนโยบาย: ในบางภูมิภาค จำเป็นต้องได้รับอนุมัติการบินชั่วคราวเป็นกรณีไป ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับกระบวนการ

แนวโน้มใหม่ในปี 2025

การเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มสำหรับการจัดตารางแบบดิจิทัล
สายการบินและแพลตฟอร์มโลจิสติกส์เริ่มให้บริการ “ระบบจองเที่ยวบินเช่าเหมาลำแบบเรียลไทม์” ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถเปรียบเทียบราคา ตรวจสอบสิทธิ์การบิน และจองพื้นที่บนเครื่องได้ผ่านออนไลน์ โดยระบบนี้ช่วยเร่งกระบวนการตัดสินใจได้อย่างมาก

การนำการบินสีเขียวมาใช้

ภายใต้ข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น บริการเช่าเหมาลำบางแห่งจึงนำเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) มาใช้เพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน ดึงดูดบริษัทข้ามชาติที่มุ่งเน้นเป้าหมาย ESG

อีคอมเมิร์ซกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญ
ในปี 2025 อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง ทำให้มีความต้องการเช่าเหมาลำขนาดกลางเพิ่มสูงขึ้น

เส้นทางภูมิภาคกำลังเติบโตขึ้น

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และการรวมกลุ่มพันธมิตรทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ทำให้มีความต้องการในการเช่าเหมาลำเพิ่มขึ้นในตลาดเกิดใหม่ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกา และละตินอเมริกา ซึ่งเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายการบินแบบดั้งเดิม

บทสรุป

แม้ว่าการเช่าเหมาลำยังมีต้นทุนสูงและมีความไม่แน่นอนบางประการ แต่ด้วยความรวดเร็ว เส้นทางขนส่งทางตรง และความสามารถในการควบคุมการขนส่งที่สูง ทำให้บริการนี้เป็นสิ่งขาดไม่ได้ในห่วงโซ่อุปทานโลกที่ผันผวนของปี 2025 สำหรับธุรกิจที่ต้องการขนส่งตรงเวลาและการขนสงในปริมาณมาก เที่ยวบินเช่าเหมาลำไม่ใช่แค่ “ทางออกฉุกเฉิน” อีกต่อไป แต่เป็นกลยุทธ์หลักสำหรับการรับมือกับความท้าทายด้านโลจิสติกส์ระดับโลกได้อย่างยืดหยุ่น

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต