Quote
Factory Buyer Rate Questions

บล็อก

ทำไมเฟอร์นิเจอร์ไม้จากเวียดนามถึงมาแรง? เจาะลึกเทรนด์ส่งออกปี 2025 แบบครบทุกมุม

11 Aug 2025

By Martina Kao    Photo:CANVA


รู้หรือไม่?
เวียดนามเป็นผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน และยังเป็นอันดับ 1 ของโลกในหมวดเฟอร์นิเจอร์ไม้ ปี 2024 เวียดนามส่งออกสินค้ากลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ไปกว่า 15.7 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นเฟอร์นิเจอร์มากกว่าหนึ่งในสามของทั้งหมด
ตลาดหลักอยู่ทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และสหภาพยุโรป


อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ของเวียดนามแข็งแกร่งแค่ไหน?

เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ของเวียดนาม รู้สึกเหมือนกำลังเจอยักษ์เงียบที่น่าจับตามอง ปัจจุบันทั่วประเทศมีโรงงานแปรรูปไม้และผลิตเฟอร์นิเจอร์มากกว่า 5,000 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถจัดการได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตัดไม้ แปรรูป แพ็คสินค้าสำเร็จรูป ส่วนโรงงานขนาดเล็กก็มักจะเน้นผลิตชิ้นส่วนเฉพาะหรือรับออเดอร์แบบสั่งทำ

กลุ่มโรงงานเหล่านี้กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดสำคัญ เช่น บิ่ญเยือง ด่งนาย โฮจิมินห์ และกว๋างนาม(Binh Duong, Dong Nai, Ho Chi Minh City, and Quang Nam) โดยเริ่มมีการกระจายไปยังพื้นที่ใหม่อย่างจังหวัดบิ่ญดิ่ญ(Binh Dinh)ในภาคกลาง อุตสาหกรรมนี้มีแรงงานอยู่ระหว่าง 600,000 – 800,000 คน โดยมากกว่า 600,000 คนทำงานโดยตรงในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของภาคการผลิตของเวียดนาม แม้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็ก แต่วงการนี้ก็ยังดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีเทคโนโลยีและออเดอร์จากทั่วโลกไหลเข้ามา จนเวียดนามกลายเป็นหนึ่งใน 4 ประเทศผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของโลกได้ภายในไม่กี่ปี


ทำไมเวียดนามถึงแข่งขันได้ดีขนาดนี้?

จุดแข็งของเวียดนามมาจากต้นทุนที่ต่ำ โซ่อุปทานที่ครบวงจร และนโยบายการค้าที่ยืดหยุ่น ค่าแรงที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ช่วยให้เวียดนามได้เปรียบในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ในปริมาณมาก ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามผลักดันให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้มีโรงงานและเงินลงทุนใหม่ ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำคัญ เวียดนามไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่อง "ราคาถูก" อีกต่อไป เวียดนามสามารถสร้างระบบซัพพลายเชนที่ผสมผสานไม้ในประเทศกับไม้ที่นำเข้าจากต่างประเทศได้อย่างลงตัว เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพหลากหลายแบบตามมาตรฐานที่ตลาดต่างประเทศต้องการ อีกหนึ่งจุดแข็งคือข้อตกลงการค้าเสรีกับ EU และอังกฤษ ที่ช่วยลดภาษีนำเข้า ทำให้เฟอร์นิเจอร์เวียดนามเข้าสู่ตลาดยุโรปได้แบบแทบไม่เสียภาษี เมื่อรวมข้อได้เปรียบทั้งหมดนี้ เวียดนามจึงไม่ได้เป็นแค่ “ทางเลือกแทนจีน” อีกต่อไป แต่กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกที่ทั้งแข็งแกร่งและเติบโตอย่างรวดเร็วในเวทีการแข่งขันค่ะ.


เฟอร์นิเจอร์เวียดนามส่งไปขายที่ไหนบ้าง?

สหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามมาโดยตลอด โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ รับซื้อเฟอร์นิเจอร์จากเวียดนามมากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดส่งออกทั้งหมด ตั้งแต่ชุดเฟอร์นิเจอร์ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ผู้นำเข้าสหรัฐฯ มองว่าเวียดนามคือแหล่งผลิตหลักที่เชื่อถือได้

ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่เช่นกัน โดยรวมแล้วทั้งสามประเทศนี้รับซื้อเฟอร์นิเจอร์เวียดนามราว 30–40% ของยอดส่งออกทั้งหมด ที่น่าสนใจคือ ญี่ปุ่นมีมาตรฐานด้านคุณภาพและสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ส่งผลให้ผู้ผลิตเวียดนามต้องพัฒนาเรื่องการออกแบบและวัสดุให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้สัดส่วนการส่งออกไปยุโรปจะยังน้อยกว่า แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตเร็วขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากที่เวียดนามได้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ที่ช่วยลดภาษีนำเข้า ทำให้ประเทศอย่างเยอรมนีและสเปนกลายเป็นตลาดที่เติบโตอย่างโดดเด่น นอกเหนือจากตลาดหลักเหล่านี้ ยังมีตลาดใหม่ๆ อย่างตะวันออกกลาง อินเดีย และอเมริกาใต้ ที่เริ่มแสดงความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยหรู และโรงแรม ซึ่งเปิดโอกาสใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ส่งออกที่มองการณ์ไกล


ตัวแปรพลิกเกมปี 2025: ภาษีสหรัฐฯ ที่ทำตลาดสะเทือน

แนวโน้มการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของเวียดนามในปี 2025 กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ หลังจากสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามอย่างกะทันหัน โดยเบื้องต้นมีแผนจะเก็บภาษีสูงถึง 46% ทำให้ผู้ส่งออกเวียดนามตกใจ เพราะสหรัฐฯ คิดเป็นมากกว่าครึ่งของคำสั่งซื้อทั้งหมด แม้การเจรจาภายหลังจะช่วยลดภาษีทั่วไปเหลือ 20% แต่ถ้าสินค้าส่งอ้อมผ่านประเทศที่สามก่อนเข้าอเมริกายังคงโดนภาษีสูงถึง 40% ซึ่งเป็นภาระที่หนักต่อเนื่องสำหรับผู้ส่งออกจากเวียดนาม

เรื่องนี้ส่งผลตลาดอย่างไร? พูดง่ายๆ คือ ความได้เปรียบด้านราคาที่เวียดนามเคยมี ถูกลดทอนไปเกือบครึ่ง ทำให้สินค้าน่าสนใจน้อยลงในสายตาผู้นำเข้า งานวิจัยหลายสำนักคาดว่า ปริมาณส่งออกอาจลดลงถึง 30–60% และมูลค่าส่งออกอาจหายไป 10–20% หรือคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่มากกว่านั้นคือ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจส่งผลต่อแนวโน้มการจัดซื้อทั่วโลก และเปลี่ยนโครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานไปเลย


ทิศทางใหม่ของกลยุทธ์ส่งออก

แม้ตลาดสหรัฐฯ จะชะลอตัวลง แต่ตลาดเอเชียกลับเปิดโอกาสใหม่ให้เวียดนาม โดยข้อมูลไตรมาสแรกปี 2025 แสดงให้เห็นว่า การส่งออกไปญี่ปุ่นเติบโตมากกว่า 20% และยังมีการเติบโตต่อเนื่องในเกาหลีใต้ ส่วนจีนแม้จะชะลอบ้างแต่ก็ยังเป็นตลาดสำคัญ ขณะเดียวกัน ตลาดยุโรปก็เริ่มเร่งตัว โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับประโยชน์จาก EVFTA อย่างสเปนและเยอรมนีที่มีอัตราการเติบโตดีมาก

นอกจากนี้ ตลาดใหม่อย่างตะวันออกกลางและอินเดียก็เริ่มน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากความต้องการของโครงการบ้านหรูและโรงแรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดเหล่านี้กลายเป็น "เป้าหมายแรกเริ่ม" สำหรับผู้ส่งออกที่วางแผนระยะยาว


คว้าโอกาส พร้อมจัดการความเสี่ยง

การส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเวียดนามเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา แต่กฎการค้าโลก การเปลี่ยนแปลงภาษี และความท้าทายด้านโลจิสติกส์ ก็กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน

สำหรับผู้ส่งออก การมีสินค้าในมือคือแค่ก้าวแรก แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือ การบริหารให้ทุกอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และคุ้มค่า พร้อมกันกับการมองหาโอกาสในตลาดใหม่ที่ยังมีศักยภาพ

ถ้าทีมของคุณกำลังพิจารณานำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากเวียดนาม หรืออยากปรับกลยุทธ์การขนส่งไปยังตลาดต่างๆ TGL พร้อมให้คำปรึกษาและบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การวางแผน การจัดทำเอกสาร ไปจนถึงการแพ็คสินค้า และขนส่งแบบหลายรูปแบบ (Multimodal Transport)

ติดต่อ: quote@tgl-group.net

 

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต

Get a Quote Go Top