By Richie Lin    Photo：CANVA

การใช้คลังสินค้าแบบ 4PL ในเขตการค้าเสรีของจีนได้กลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ระดับโลก พร้อมกับควบคุมข้อมูลลูกค้าและความปลอดภัยของซัพพลายเชน เมื่อสินค้าถูกย้ายเข้าไปในเขตการค้าเสรี , สินค้าจะถือว่าได้ส่งออกแล้วและไม่ถือว่าเป็นของโรงงานอีกต่อไป ซึ่งช่วยแยกข้อมูลลูกค้าออกจากฝ่ายการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เพื่อใช้ประโยชน์จากรูปแบบนี้ได้อย่างเต็มที่ จำเป็นต้องเข้าใจและดำเนินกระบวนการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การดำเนินพิธีการศุลกากรขาออก , กระบวนการรับสินค้าเข้าคลังสินค้า , และการบริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บอย่างเคร่งครัด , ไปจนถึงการจัดการเอกสาร , และการกระจายสินค้า นอกจากนี้ การจัดการผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านมาตรฐานด้วยการกักกันในพื้นที่เฉพาะ ช่วยให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายและรักษาคุณภาพสินค้าได้ดียิ่งขึ้น

1. การย้ายสินค้าเข้าเขตการค้าเสรี:

การย้ายสินค้าเข้าเขตการค้าเสรี หมายถึง การนำสินค้าส่งเข้าดินแดนภายนอกประเทศ ดังนั้น , จึงจำเป็นต้องดำเนินพิธีการศุลกากรขาออกให้เสร็จสิ้นตามขั้นตอนต่อไปนี้

✔ การจัดเตรียมเอกสารการขนส่ง (แบบฟอร์มศุลกากร, ใบกำกับสินค้า, และใบรายการบรรจุภัณฑ์)

✔ส่งข้อมูลรถบรรทุกไปยังเขตการค้าเสรี (ชื่อคนขับ, ทะเบียนรถบรรทุก, น้ำหนักรถ และน้ำหนักสินค้า)

✔ส่งข้อมูลพิธีการศุลกากรขาออก (รถบรรทุกไม่สามารถเข้าสู่เขตการค้าเสรีได้จนกว่าจะดำเนินพิธีการศุลกากรขาออกเสร็จสิ้น)

✔ส่งเลขที่ใบขนศุลกากรให้ผู้ส่งสินค้าเพื่อยืนยันว่าการผ่านพิธีการศุลกากรเสร็จสิ้นแล้ว (โดยปกติผู้ส่งสินค้าสามารถใช้เลขที่ใบขนศุลกากรนี้ในการยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากรัฐบาล)

2. กระบวนการรับสินค้าเข้าคลังสินค้าแบบ 4PL:

หลังจากเข้าสู่เขตการค้าเสรี  , สินค้าจำเป็นต้องมีคลังสินค้าเพื่อรับเข้าและจัดเก็บไว้ชั่วคราวก่อนที่จะจำหน่ายให้กับลูกค้าปลายทาง

✔การตรวจสอบและยืนยันข้อมูลสำคัญ (เลขที่ใบสั่งซื้อ, เลขที่ใบแจ้งหนี้, รหัสสินค้า, ชื่อสินค้า, หมายเลขล็อตสินค้า)

✔การติดป้ายแสดงสถานะของสินค้าที่รับเข้า (เพื่อให้สามารถระบุสถานะได้อย่างชัดเจน เช่น ผ่านการรับเข้า, รอกักกันตรวจสอบ)

✔การจัดการอย่างเหมาะสมกับสินค้าที่เสียหายหรือมีข้อสงสัย , เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการส่งออกจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข

3. การจัดเก็บและการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง:  การตรวจสอบย้อนกลับช่วยขับเคลื่อนความสอดคล้องตามข้อกำหนด

คลังสินค้าจำเป็นต้องจัดเก็บสินค้าอย่างปลอดภัยและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมทั้งรักษาข้อมูลสินค้าคงคลังให้เป็นปัจจุบันตลอดเวลา

✔FIFO/FEFO (First-In-First-Out / First-Expired-First-Out) แอพพลิเคชั่น: เพื่อป้องกันไม่ให้มีการจัดส่งสินค้าล็อตใหม่ให้ลูกค้าแทนที่จะเป็นสินค้าล็อตเก่า

✔การตรวจสอบย้อนกลับตามล็อตและชุดการผลิต: มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ เช่น อาหาร

,ยา ,  หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

✔ การหมุนเวียนสต็อกและการตรวจนับสินค้าเป็นรอบ: เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าที่ล้าสมัยหรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนดถูกจัดส่งออกไป

✔บันทึกการตรวจวัดอุณหภูมิ: ใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนคุณภาพสินค้าในระหว่างการตรวจสอบของศุลกากร

✔บันทึกการควบคุมศัตรูพืชและการสุขาภิบาล: มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสินค้าอาหาร , สินค้าเกษตร , หรือการส่งออกเวชภัณฑ์

4. การจัดการสินค้า & การกระจายสินค้า: การเตรียมพร้อมสำหรับการส่งออก

เมื่อสินค้าถูกขายให้กับผู้ซื้อปลายทาง , คลังสินค้าจะจัดเตรียมสินค้าและเอกสารเพื่อส่งออกจากเขตการค้าเสรีไปยังประเทศอื่น ๆ

✔การหยิบสินค้า , การบรรจุ , และการติดฉลากต้องสอดคล้องกับเอกสารการขนส่งและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ

✔การจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นศุลกากรสำหรับนำสินค้าออกจากเขตการค้าเสรี: รวมถึงใบรายการบรรจุภัณฑ์และใบแจ้งหนี้ , ซึ่งต้องถูกต้องและสามารถเรียกใช้งานได้ทันที

✔ การขนส่งไปยังลูกค้าทั่วโลก: การจัดการขนส่งทางเรือ , ทางอากาศไปยังผู้ซื้อปลายทาง หลังจากดำเนินพิธีการศุลกากรขาออกจากเขตการค้าเสรีเสร็จสิ้น

5. สินค้าไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและพื้นที่กักกัน: การควบคุมความเสี่ยง

บางครั้งสินค้าที่ถูกย้ายเข้าเขตการค้าเสรีอาจมีปัญหาด้านคุณภาพ , ดังนั้นคลังสินค้าแบบ 4PL จำเป็นต้องมี:

✔เอกสารบันทึกสินค้าที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างชัดเจน

✔กระบวนการจัดการสินค้าที่ชัดเจน: ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขสินค้า , การทำลาย , หรือการส่งคืนให้ซัพพลายเออร์

✔ ขั้นตอนการแยกเก็บอย่างเข้มงวด , เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดจะไม่ปะปนกับสินค้าที่พร้อมส่งออก

บทสรุป: คลังสินค้าแบบ 4PL ในเขตการค้าเสรีคือกุญแจสู่ความสำเร็จด้านการค้าในระดับโลก

โดยสรุป , คลังสินค้าแบบ 4PL ที่มีการบริหารจัดการอย่างดีภายในเขตการค้าเสรี ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ แต่ยังเสริมความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน , การตรวจสอบย้อนกลับ , และความปลอดภัยสำหรับธุรกิจที่ดำเนินงานในตลาดต่างประเทศ เมื่อดำเนินกระบวนการเหล่านี้อย่างถูกต้อง , ธุรกิจสามารถกระจายสินค้าไปทั่วโลกได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น , การดำเนินคำสั่งซื้อได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และรักษาข้อมูลของซัพพลายเชนได้— ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันในสภาพแวดล้อมการค้าระดับโลกในปัจจุบัน

ขอขอบคุณหากคุณสามารถแบ่งปันบล็อก TGL ในหมู่เพื่อนของคุณที่สนใจข้อมูลตลาดโดยตรงของโซ่อุปทานและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อัปเดต